ตอนนี้ การ #ย้ายประเทศ กำลังเป็นที่พูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่คนที่อยากจะแสวงหาโอกาสที่ดีกว่าในต่างแดน หลังจากมีการตั้งสร้างกลุ่มย้ายประเทศใน Facebook เพื่อแชร์ประสบการณ์ สอบถามข้อมูล ให้คำแนะนำ ไปจนถึงการแบ่งปันความช่วยเหลือ
สำหรับคนที่อยากย้ายประเทศแต่ยังไม่มีตัวเลือกในใจ เราจะพาไปรู้จัก 10 ประเทศ ที่คนต่างชาติย้ายไปทำงานแล้วแฮปปี้มากที่สุดในปี 2021 จากผลสำรวจของ InterNations เครือข่ายคนทำงานต่างประเทศทั่วโลก เพื่อเป็นหนึ่งในข้อพิจารณาอีกหลายๆ มิติ ช่วยในการตัดสินใจสำหรับการเลือกจุดหมายปลายทาง
ผลสำรวจ Expat Insider 2021 คือรายงานจากการสอบถามคนที่ย้ายไปทำงานต่างประเทศ (expat) ทั่วโลก ว่าพึงพอใจหรือไม่ใน 4 ด้าน (โดยในแต่ละหมวดก็มีคำถามแยกย่อยลงไปอีก) คือ
- คุณภาพชีวิต
- ความง่ายในการปรับตัว
- การเงิน
- ชีวิตการทำงาน
ในปีนี้ 10 ประเทศ ที่ผู้คนมองว่าดีที่สุดในการย้ายไปทำงาน ได้แก่
- ไต้หวัน
- เม็กซิโก
- คอสตาริกา
- มาเลเซีย
- โปรตุเกส
- นิวซีแลนด์
- ออสเตรเลีย
- เอกวาดอร์
- แคนาดา
- เวียดนาม
หลายประเทศในการจัดอันดับคือปลายทางในฝันสำหรับใครหลายคนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย หรือ แคนาดา แต่ก็มีอีกหลายประเทศที่ติดโผเข้ามาอย่างเกินคาดไม่ว่าจะเป็นประเทศจากอเมริกากลางและอเมริกาใต้ สองประเทศเพื่อนบ้านของไทย ไปจนถึงประเทศนอกกระแสจากฝั่งยุโรป
แล้วทำไมประเทศเหล่านี้ถึงแฮปปี้สำหรับชาวต่างชาติที่ย้ายไปทำงานทั่วโลก?
ไต้หวันคือสถานที่ที่ดีต่อใจคนย้ายประเทศอันดับ 1 สามปีซ้อน
เราทราบกันดีว่าไต้หวันเป็นที่เมืองที่ดี เป็นที่ที่น่าอยู่ แต่ก็แทบไม่คาดคิดว่าจะเป็นอันดับ 1
ไต้หวันมีกลิ่นอายความเป็นเอเชียและความเป็นสากลผสมผสานกันอย่างกลมกล่อมลงตัว อาหารการกิน วัฒนธรรม ค่าครองชีพ และนิสัยใจคอไม่ได้แตกต่างไปจากเรามากนัก น่าจะเป็นตัวเลือกที่พอเหมาะพอเจาะกับคนไทย
คนที่ย้ายไปทำงานที่ไต้หวันพึงพอใจกับเรื่องงานอย่างมาก 83% ของคนที่ย้ายไปไต้หวันบอกว่าการงานที่นั่นมั่นคง (ค่าเฉลี่ยโลกอยู่ที่ 61%) แถม 85% ยังยืนยันอีกว่าเศรษฐกิจไต้หวันดี (ค่าเฉลี่ย 62%) ซึ่งทำให้หน้าที่การงาน ความเป็นอยู่ และความสุข เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
ที่สำคัญ ความเป็นอยู่ในไต้หวันดีมาก 96% มองบริการด้านสาธารณสุขของไต้หวันในแง่บวก ซึ่งไม่ใช่แค่ดี เพราะ 94% บอกว่าราคาเข้าถึงได้อีกด้วย เทียบกับค่าเฉลี่ยโลกที่อยู่ที่ 61% เท่านั้น
คนที่ย้ายมาจากแคนาดาท่านหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า อยู่ไต้หวันแล้วไปไหนมาไหนแทบไม่ต้องพึ่งพาใคร เพราะรู้สึกปลอดภัยทุกที่ (0% รู้สึกว่าไต้หวันไม่ปลอดภัย) และเดินทางได้สะดวกมากๆ
ประเทศจากอเมริกากลางและอเมริกาใต้คือม้ามืดตัวจริง
เม็กซิโก คอสตาริกา และเอกวาดอร์ คือ 3 ประเทศที่ไม่มีใครคาดคิดในการจัดอันดับครั้งนี้ สิ่งที่ทำให้ทั้งสามประเทศพาเหรดกันเข้ามาติดอันดับต้นๆ ของประเทศที่น่าย้ายไปทำงานคือ ความเป็นมิตรของผู้คน ความง่ายในการปรับตัว ชีวิตทางสังคม วัฒนธรรมที่สนุกสนาน ไปจนถึงค่าครองชีพที่ไม่สูงนัก
ผู้ร่วมการสำรวจจากสหรัฐท่านหนึ่งบอกว่า เขารักวัฒนธรรมและความเป็นมิตรของคนที่นี่ คน 85% บอกว่าการปรับตัวในเม็กซิโกง่ายมาก (อันดับที่ 1 ของโลก) ส่วนคอสตาริกาและเอกวาดอร์ก็ตามมาไม่ห่างนัก อยู่อันดับ 3 และ 10
คนที่มาทำงานแถบนี้พบว่าสถานการณ์ทางการเงินน่าพอใจ ค่าบ้านไม่แพง รายได้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่างเพียงพอ ความพึงพอใจทางการเงินของของคนที่ย้ายไปเม็กซิโก เอกวาดอร์ และคอสตาริกา อยู่ในอันดับ 2 5 และ 7
ข้อสังเกตุคือ คุณภาพชีวิตของประเทศในแถบนี้ไม่เลิศหรูสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าอยู่ในระดับกลางค่อนท้ายของการจัดอันดับ ทั้งในแง่คุณภาพของสิ่งแวดล้อม ความพร้อมของสาธารณูปโภคพื้นฐาน ความสะดวกในการเดินทาง ความพร้อมของระบบขนส่งสาธารณะ ไปจนถึงความปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ยังเป็นรองประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ
เพื่อนบ้านของไทยก็ติดอันดับขวัญใจคนต่างชาติที่ย้ายไปทำงาน
มาเลเซีย และ เวียดนาม อยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเช่นเดียวกับประเทศในกลุ่มอเมริกากลางและใต้ที่ได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้ จึงมีลักษณะต่างๆ ที่ไม่แตกต่างกันมากนัก คือ คนเป็นมิตร ชีวิตสนุก ค่าครองชีพถูก แต่โครงสร้างพื้นฐานไม่ดี คุณภาพชีวิตในภาพรวมจึงไม่ได้โดดเด่นนัก
แต่ที่น่าจับตามองต่อไปคือประเทศเวียดนามที่เศรษฐกิจเติบโตเอามากๆ แบบไม่เกรงอกเกรงใจโควิด-19 ไม่แน่ว่าต่อไป เวียดนามอาจจะมีงบประมาณสร้างโครงสร้างและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนมากขึ้นกว่านี้
โปรตุเกส หนึ่งเดียวจากยุโรปที่ติดอันดับ
สิ่งที่น่าจะพลิกความคาดหมายมากที่สุดของการจัดอันดับคือ ประเทศยุโรปที่เป็นปลายทางในฝันของหลายคน เช่น เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส ไปจนถึงกลุ่มประเทศนอร์ดิกไม่ติดอันดับ 1 ใน 10 ในทางกลับกัน ประเทศหนึ่งเดียวที่ติดโผคือ โปรตุเกส ประเทศที่ในทางเศรษฐกิจดูจะเป็นรองประเทศอื่นที่ได้กล่าวมา
โปรตุเกสคือประเทศที่คนที่ย้ายมาทำงาน 84% ลงความเห็นว่ามีความสุขกับชีวิตโดยรวม ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดในโลก ทั้งนี้เป็นเพราะโปรตุเกสมีอากาศอบอุ่นตลอดปี มีกิจกรรมให้ทำมากมาย วัฒนธรรมขึ้นชื่อ อาหารหลากหลาย ประเทศสวยงาม คนเป็นมิตรทำให้มีชีวิตทางสังคมที่ดี ผู้คนที่ย้ายไปอยู่จึงรู้สึกว่าโปรตุเกสเหมือนบ้าน
แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ โปรตุเกสมีเศรษฐกิจเป็นรองประเทศอื่นๆ ในยุโรป จึงมีสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน และระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่ดีเทียบเท่า
กลุ่มประเทศคลาสสิคของการย้ายประเทศยังคงติดโผ
ถ้าพูดถึงการไปทำงานต่างประเทศ เชื่อว่าไม่มีทางที่ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และแคนาดา จะหลุดโผไปได้ เพราะนี่คือดินแดนที่มีผู้คนจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้าไปทำงาน เป็นปลายทางในฝันของใครหลายๆ คน
ทั้งสามประเทศคือประเทศที่พัฒนาแล้ว มีโอกาสในชีวิตการทำงานรวมไปถึงความมั่นคงด้านอาชีพที่สูงอยู่ในระดับต้นๆ ที่สำคัญคือมีเศรษฐกิจแข็งแรง
นอกจากเรื่องงาน ผู้ที่ย้ายไปทำงานยังระบุว่าคุณภาพชีวิตของตนดีมาก เพราะมีโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่ตอบโจทย์ความต้องการ มีสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ มีกิจกรรมให้ทำหลากหลายไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมกลางแจ้งหรือการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมในประเทศที่ผู้คนเปิดกว้างต่อชาวต่างชาติ
แต่ปัญหาสุดคลาสสิคสำหรับประเทศที่ผู้คนทั่วโลกหลั่งเข้าไปหาโอกาสคือสถานการณ์ทางการเงิน ในออสเตรเลีย 63% พึงพอใจการเงินของตน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 64% ส่วนค่าที่อยู่อาศัยก็แพงในระดับต้นๆ ส่วนในแคนาดา 1 ใน 3 บอกว่ารายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ
ส่งท้าย
เน้นย้ำว่าผลสำรวจเป็นเพียงหนึ่งในข้อมูลอีกหลายๆ มิติที่ควรพิจารณาในการย้ายประเทศเท่านั้น เพราะนี้คือผลสำรวจที่กำหนดเกณฑ์ของ ‘ความน่าอยู่’ เอาไว้รูปแบบหนึ่ง ยังมีข้อมูลอีกหลายมิติมากที่จำเป็นต้องพิจารณาเพื่อเฟ้นหาประเทศน่าอยู่ในสายตาแต่ละบุคคล
[ดูผลสำรวจอื่นของ InterNations ได้ที่]
- ผลสำรวจของ InterNations เผย ประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในสายตาคนต่างชาติที่ย้ายมาทำงาน
- กรุงเทพติดอันดับกลางๆ เมืองน่าอยู่ทั่วโลกสำหรับต่างชาติที่ย้ายมาทำงาน ค่าครองชีพถูก คุณภาพชีวิตรั้งท้าย
ที่มา – CNBC, InterNations (รายงานผลสำรวจฉบับเต็ม)
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา