Zoids เป็นหนึ่งในของเล่นที่เก่าแก่ และมีความสำคัญของ Tomy เพราะปล่อยมากี่ครั้งก็ดังเป็นพลุแตก ซึ่งปีนี้ชุดของเล่นสัตว์-หุ่นยนต์จะกลับมาสร้างความนิยมอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปจากตลาดถึง 12 ปี
/
本日からゾイドの
新アカウント始動!
\ゾイドの商品やイベント、キャンペーンなどなどの新情報をお届けしますのでよかったらフォローください!(Z oωo)ノ pic.twitter.com/VnWSBYzhRx
— ゾイド【公式】 (@zoids_official) February 27, 2018
ด้วยความโด่งดัง ความหวังในการกลับมาจึงสูง
Tomy คือบริษัทผลิต และจำหน่ายของเล่นชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง Zoids ก็เป็นหนึ่งในตระกูลของเล่นที่ประสบความสำเร็จของยักษ์ใหญ่ของเล่นรายนี้ โดยเริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ 35 ปีก่อน และช่วยเปิดโลกความสร้างสรรค์ให้กับเด็กผู้ชายทั่วโลก ด้วยการผสมผสานความเป็นหุ่นยนต์ กับไดโนเสาร์, สัตว์ป่า และแมลงต่างๆ เข้าด้วยกัน
แถมยังแตกต่างจากของเล่นในยุคนั้นด้วยการเปิดให้เด็กๆ สามารถประกอบชิ้นส่วนพลาสติกตามขั้นตอนเพื่อสร้างสัตว์-หุ่นยนต์ของตัวเอง พร้อมกับใส่แบตเตอรี่ กับมอเตอร์เข้าไปเพื่อทำให้สัตว์-หุ่นยนต์เหล่านั้นสามารถขยับตัว และเคลื่อนที่ไปในทิศทางต่างๆ ได้ด้วยตัวเองอีกด้วย
โดยช่วงความนิยมของ Zoids สามารถแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลาคือ 2526-2534 ที่สามารถขายไปได้กว่า 19 ล้านชุดในญี่ปุ่น คิดเป็นมูลค่า 39,000 ล้านเยน (ราว 12,000 ล้านบาท) กับ 2542-2549 ที่ขายไปกว่า 25 ล้านชุดทั่วโลก คิดเป็นมูลค่า 44,000 ล้านเยน (ราว 13,000 ล้านบาท)
และล่าสุด Tomy ก็นำ Zoids กลับมาทำตลาดอีกครั้งหลังหายไปนาน 12 ปี ภายใต้แนวคิด Zoids Wild ที่คงการออกแบบสัตว์-หุ่นยนต์เช่นเดิม ราคาเริ่มต้นที่ 3,000 เยน (ราว 900 บาท) เบื้องต้นมีออกมา 2 ตัว จำหน่ายตั้งแต่เดือนมิ.ย. เป็นต้นไป ส่วนในตลาดต่างประเทศยังไม่กำหนดเวลาชัดเจน
สำหรับการทำตลาดของ Zoids Wild ยังใช้กลยุทธ์เดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นการฉายการ์ตูนตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน, การพิมพ์หนังสือการ์ตูนในเดือนเม.ย. รวมถึงการสร้างวีดีโอเกมออกมา โดย Tomy ตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกของ Zoids Wild ไว้ที่ 50,000 ล้านเยน (ราว 15,000 ล้านบาท) ภายในไม่กี่ปีจากนี้
สรุป
ของเล่นจากญี่ปุ่นสามารถตีตลาดในต่างประเทศได้แตกเกือบตลอด เพราะแนวคิดที่แตกต่างในการออกแบบ และการวางกลุ่มเป้าหมายของผู้ซื้อที่ชัดเจนว่าเป็นใคร โดยส่วนตัวแล้วเคยเล่น Zoids เหมือนกัน และคิดว่าค่อนข่างสนุก เนื่องจากได้ต่อมันขึ้นมาเอง แถมยังเคลื่อนไหวได้ และการออกแบบก็ช่างล้ำเสียจริงๆ ยิ่งถ้าดูช่อง 9 การ์ตูนด้วยแล้ว ยิ่งอินเข้าไปใหญ่
อ้างอิง // The Japan Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา