ZANROO (แสนรู้) เป็น Startup ในสาย MarTech หรือ Marketing Technology ให้บริการด้าน Social Monitoring ที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงแค่ในไทย แต่กำลังได้รับความสนใจทั่วโลก โดยเฉพาะในอเมริกาและยุโรป และอนาคตจะรวมถึงจีนด้วย
อะไรทำให้ ZANROO มาแรงขนาดนั้น คนที่ตอบคำถามได้ดีที่สุดคือ ชิตพล มั่งพร้อม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ อุดมศักดิ์ ดอนขำไพร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี 2 ผู้ก่อตั้งที่เริ่มต้น ZANROO มาด้วยกันตั้งแต่ 4 ปีก่อนหน้านี้
เหนือกว่าคู่แข่งด้วย Earn Media รายแรกของโลก
คำถามว่าทำไม ZANROO ถึงได้รับความสนใจขนาดนั้น ย้อนกลับไปประมาณ 4 ปีที่แล้ว จากจุดเริ่มต้นที่สนใจ Social Listening และ Social Engagement ซึ่งเป็นบริการในกลุ่ม MarTech จึงเริ่มค้นหาคำตอบว่า ทำอย่างไรจะเป็น MarTech ที่ดีที่สุด เพื่อการเติบโตในธุรกิจที่ยั่งยืน
คำตอบที่ได้คือ ทั่วโลกมีบริการลักษณะนี้อยู่แล้ว โดยส่วนใหญ่เน้นที่ Paid Media และ Own Media แต่สิ่งที่เป็น Pain Point ของนักการตลาดคือ ไม่สามารถวิเคราะห์ Earn Media ได้ และไม่สามารถหาว่า ทำการตลาดและโฆษณาผ่านช่องทางไหน คุ้มค่าที่สุด (ROI)
ชิตพล บอกว่า ไปดูมาหมด ไม่มีใครทำ 3 ส่วน คือ Paid+Own+Earn รวมกันได้ และทุกคนพยายามทำแต่ไม่สำเร็จ ส่วนใหญ่มีแค่ Paid+Own เท่านั้น แม้แต่ Sprinklr ซึ่งเป็นที่ 1 ของโลก ก็ยังรวม Earn Media ไม่ได้
แต่ ZANROO ทำได้ และทำได้อย่างแข็งแกร่ง บนฐานข้อมูลที่กว้าง ลึก real-time และทำได้แล้วใน 7 ภาษา พูดได้ว่าเป็นรายแรกของโลกที่ทำใน 3 ส่วนนี้ได้ดีที่สุด
“อรุณ” บริการใหม่ที่จะฆ่าบริการเดิมของ ZANROO
ZANROO เพิ่งผ่านงานแถลงข่าวเปิดตัวครั้งแรกไปไม่นานนัก และในงานมีการเปิดตัว “อรุณ” ซึ่งจะเป็นโปรดักส์ใหม่ของ ZANROO โดยเน้นการวิเคราะห์ Paid+Own+Earn อย่างแม่นยำ พร้อมบอก ROI เพื่อช่วยในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ปัจจุบันบริการของ ZANROO ดีที่สุด เร็วที่สุด แม่นยำที่สุด แต่ อรุณ เป็นบริการใหม่ที่ครบยิ่งกว่าเดิมจะออกมาฆ่าบริการเดิม ตอนนี้เสร็จไปประมาณ 60% หมายความว่าปลายปีนี้ ZANROO จะก้าวล้ำไปยิ่งกว่าเดิม”
สิ่งที่ยืนยันคือ ก่อนหน้านี้ ZANROO ได้เดินทางไปออกบูธในงาน MarTech ที่อเมริกา และเป็นบูธที่ใหญ่ที่สุดทั้งที่ไม่มีใครรู้จัก ZANROO มาก่อนแน่นอน ซึ่งแค่นำเสนอ อรุณ ที่อยู่ในช่วงการพัฒนา ก็ได้รับความสนใจทั้งจากลูกค้าและพันธมิตร เพราะทุกคนรู้ว่า การวิเคราะห์ Earn Media ยากที่สุด
Earn Media ยากอย่างไร ผู้ใช้ได้ประโยชน์อย่างไร
อุดมศักดิ์ บอกว่า การวิเคราะห์ Earn เป็นส่วนที่ยากที่สุด การคอมเม้นข้อความ การเปิดดูวิดีโอ ทุกๆ การกระทำต้องอาศัยการตีความ และในแต่ละประเทศก็มีตัวแปรแตกต่างกันไป ต้องอาศัยความรู้จากคนในวงการ เช่น คนการตลาด, เอเจนซี่, นักวิเคราะห์ข้อมูล สถิติ เพื่อตีความให้ได้ตัวเลข ที่จะบอกได้ว่า ROI คือเท่าไร
สำหรับ Paid คือ สื่อที่เสียเงิน เช่น Influencer, Adwords, Website, Social ส่วน Own คือสื่อของตัวเอง เช่น Webside, Youtube หรือ Facebook แต่ Earn คือสิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้น ซ่อนอยู่ในทุกๆ ที่ จึงเป็นเรื่องยากที่สุดในการตีความ และต้องนำทั้ง 3 ส่วนมาวิเคราะห์รวมกัน ซึ่ง ZANROO สามารถทำได้ และทำได้แบบ real-time ด้วย
สิ่งที่องค์กรที่ใช้ ZANROO จะได้คือ สามารถรู้ได้ทันทีเมื่อปล่อยแคมเปญการตลาดออกไป ว่ามีการตอบรับอย่างไร เพื่อสามารถปรับเปลี่ยนให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น จะใช้เงินกับช่องทางไหนเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด และย้ำว่าทั้งหมดเห็นผลทันที
“จุดเริ่มต้นคือการทำ ภาษาไทย ซึ่งยากมาก แต่ ZANROO พัฒนาเองและมีที่นี่ที่เดียวเท่านั้น จากนั้นบุกไปทำตลาดมาเลเซีย ซึ่งต้องพัฒนาอีก 6 ภาษาจนสามารถใช้งานได้ดี ตอนนี้จะไปภาษาไหนก็ได้หมด ล่าสุดพัฒนาภาษาลาติน ใช้ในเม็กซิโก และอาหรับ ใช้ในดูไบ”
อีกไม่เกิน 3 ปี น่าจะเป็น Startup Unicorn แรกของไทย
กระบวนการของ ZANROO คือ คิดแล้วขาย มีคนสนใจแล้วทำ ทดลองตลาดและพัฒนา ทุกอย่างเกิดจากการตั้งคำถาม หาคำตอบและลงมือทำทันที มีบริษัทใหญ่ๆ หลายรายต้องการเข้ามาเทคโอเวอร์ ซื้อกิจการของ ZANROO แต่ไม่ขาย เพราะไม่ได้ต้องการเงิน
จนกระทั่งถึงวันที่ต้องขยายกิจการไปทั่วโลก ZANROO จึงเลือกนักลงทุน “ไทย” เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้ ZANROO ก้าวกระโดดและยังคงความเป็นบริษัทไทยอยู่
และจากการสำรวจตลาดทั่วโลก มีความน่าจะเป็นว่าภายในเวลาไม่เกิน 3 ปี ZANROO จะก้าวขึ้นเป็น Startup Unicorn แรกของไทยได้ นี่ไม่ใช่แค่เป้าหมาย แต่เป็น “ความน่าจะเป็น” ที่จะเกิดขึ้นจริง
เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง เพื่อพัฒนาบริษัทแห่งความสุข
ZANROO เริ่มต้นจากคน 4 คนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเพิ่มเป็น 158 คน ทำตลาดแล้ว 15 ประเทศ และจะเพิ่มเป็นอย่างน้อย 40 ประเทศในปลายปีนี้หลังจากเปิดใช้งาน “อรุณ” สิ่งสำคัญคือทุกคนในบริษัทในทุกประเทศ ต้องอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน ทั้งชิตพล และอุดมศักดิ์ บอกว่า การหาคนและบริหารจัดการคน เป็นเรื่องที่ยากที่สุด
และด้วยแนวคิดที่ว่า บริษัท คือ Life Spending เป็นสถานที่ทุกคนสามารถมีความสุขร่วมกันได้ เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย 2 ส่วน คือ ZANROO เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ทำให้โลกดีขึ้น และสามารถสร้างผลกำไรเยอะๆ แต่มีพนักงานไม่มาก เพื่อให้ทุกคนได้รับผลตอบแทนอย่างเหมาะสม
ดังนั้นการรับสมัครคนใน ZANROO จะมองว่า ทุกคนสามารถเดินไปข้างหน้าด้วยกันได้ไกลแค่ไหน
ทั้ง ชิตพล และ อุดมศักดิ์ บอกว่า เกิดมาไม่เคยบริหารพนักงาน 158 คน ไม่เคยทำธุรกิจทั่วโลก ไม่เคยต้องดูแลโปรแกรมเมอร์จำนวนมากจากหลายประเทศ ทุกอย่างต้องการเวลาเรียนรู้ และพัฒนาไปด้วยกัน สำคัญคือ ทัศนคติ หรือ Attitude ที่มองทุกอย่างเป็น Good Problem ที่ทำให้ ZANROO เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา