“รองเท้าทำมือ” ของขวัญล้ำค่าจากอากง จากคนหันหลังใหเธุรกิจครอบครัว สู่ชีวิตที่เปลี่ยนไปชั่วข้ามคืน
ตึกแถวสีเขียวขนาด 4 ห้อง 4 ชั้น ภายนอกดูเหมือนบ้านคนทั่วๆไป แต่พอเราได้เข้าไปข้างใน สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ กลิ่นเครื่องหนัง และ กลิ่นของกาวที่ใช้ทำรองเท้า เเท่นไม้ ค้อน ตะปู และเศษเครื่องหนังที่ใช้ทำรองเท้า วางอยู่ตามพื้นรอบๆตัว ของช่างทำรองเท้า ซึ่งมองด้วยตาก็รู้ว่าช่างฝีมือเหล่านี้อายุไม่น้อยแล้ว เพราะที่นี้คือ แหล่งผลิต “รองเท้าทำมือ” ที่ยังคงเอกลักษณ์ของช่างฝีมือการทำรองเท้าด้วยมือ ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ ไปจนถึงการตัดเย็บ และขึ้นรูปรองเท้า
“กว่า 80 ปี มาถึงปัจจุบันนี้เป็นรุ่นที่ 3 แล้ว อากงเป็นรุ่น ตอนนั้นอากงทำรองเท้าให้ทหารญี่ปุ่น ด้วยการเย็บมือและใช้ปากช่วยดึง อากงทำรองเท้าด้วยมือทุกขั้นตอน” คุณเก๋ หรือ คุณ บุณยนุช วิทยสัมฤทธิ์ ทายาทรองเท้าทำมือรุ่นที่ 3 เราความเป็นมาของรองเท้าทำมือให้เราฟัง
เริ่มต้นจากองกงโพ้นทะเลมาจากเมืองจีน สู่ ทายาทรุ่นที่ 3
คุณเก๋เล่าว่า อากงมาตัวเปล่า เป็นคนจีนที่แบบเหมือนมาเมืองไทยแบบ walk in เข้ามาเหมือนคนจีนทั่วไป องกงมีทักษะในเรื่องของงานฝีมือ เขาก็เลยเริ่มทำรองเท้าที่เป็น “รองเท้าให้ทหารญี่ปุ่น” ในยุคนั้น แต่ว่าความความเก่งและความเก๋ของรุ่นอากงคือ มันไม่มีเครื่องจักรและไม่มีเครื่องทุ่นแรง สิ่งที่เขาทำได้คือมือแล้วก็ปาก เวลาร้อยรองเท้าหรือเย็บรองเท้า จะไม่มีเครื่องทุ่นแรง สิ่งเหล่านี้เป็นองค์ความรู้ เป็นเทคนิคที่ทำรองเท้าด้วยมือ ส่งต่อมาตั้งแต่รุ่นอากงมาถึงรุ่นอาป๊าแล้วก็มาถึงรุ่นคุณเก๋
จุดเริ่มต้นของอากง ทำให้ธุรกิจครอบครัวของคุณเก๋กลายเป็นทายาท สืบทอดธุรกิจ ปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 3 ก็คลุกคลีกับทักษะและงานเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก แต่พอเติบโตขึ้นกลับกลายเป็นว่า ไม่ได้คิดจะสานต่อสิ่งที่ครอบครัวทำเอาไว้ พี่น้องทั้ง 3 คนก็ออกไปเติบโตในธุรกิจหรือทำงานตามความชอบของตัวเอง พี่ชายคนโตไปทำธุรกิจสิ่งพิมพ์ พี่ชายคนที่ 2 ทำโฆษณา ส่วนคุณเก๋จบ Interior Design และทำงานสายนี้โดยตรง
หันหลังให้ธุรกิจ แต่เมื่อถึงจุดพลิกผันทำให้ต้องมาสานต่อธุรกิจที่บ้าน
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ลูกหลานรุ่นที่ 3 อย่างคุณเก๋กลับมาสานต่อธุรกิจที่บ้าน คือวันที่ป๊าล้มป่วยหนักโดยที่ลูกๆ ไม่รู้เรื่อง และคำหนึ่งที่ป๊าพูดกับคุณเก๋คือ “ครอบครัวของป๊า ไม่ใช่แค่ 3 พี่น้อง แต่คือชีวิตในโรงงานด้วย”
คำพูดนั้นของป๊าเปลี่ยนทุกอย่างของคุณเก๋ไปทั้งหมด และตระหนักได้ว่า มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องกลับมาสานต่อธุรกิจที่บ้าน กลับมาดูว่ารองเท้าทำยังไง การผลิตเป็นอย่างไร และในฐานะเจ้าของต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด จนถึงวันนึง คุณเก๋ถึงรู้ว่าสิ่งที่รุ่นอากง รุ่นป๊าทำมามันมีค่ามาก และจะต้องสานต่อ โดยที่คุณเก๋บอกว่า เหมือนเรามีของดีอยู่กับตัว แต่ไม่เคยมองเห็นมัน นั่นเลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ Youngfolks
ใช้ความสัมพันธ์ในครอบครัวมาเป็นจุดขาย นายแบบ นางแบบ คือคนในครอบครัว
ผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์อื่นๆ อาจจะจ้างคนมีชื่อเสียงมาเป็นนายแบบ นางแบบ เพื่อการโปรโมทสินค้า แต่สำหรับแบรนด์รองเท้าทำมือ Youngfolks ใช้ความสัมพันธ์ใสครอบครัวมาเป็นจุดขายของแบรนด์ โดยการชวนทุกคนในครอบครัวของเรามาเป็นนายแบบ นางแบบ ซึ่งแต่ละคนจะมีความถนัดเฉพาะด้าน อย่างของพี่ชายคนโตจะเก่งในการเล่า Story telling ก็จะเล่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับคุณแม่ หรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างคู่แฟนแต่งงานกันความสัมพันธ์ระหว่างลูกผู้หญิงคนเล็กอย่างคุณเก๋กับคุณพ่อ จนเกิดเป็นไวรัลในโซเชียล
จุดขายของรองเท้าทำมือของคุณเก๋และครอบครัว คือ การขายความสัมพันธ์
“เราอยากให้ทุกชีวิต ทุกคู่ ทุกความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พี่น้อง เป็นเพื่อน กลับมาเดินไปด้วยกันเหมือนครอบครัวเราที่แบบสามพี่น้องกลับมาธุรกิจที่บ้าน มาทำโรงงานด้วยกัน ลุยธุรกิจด้วยกัน มาทำให้รองเท้าของอาป๊ามเติบโตไปด้วยกันอีกครั้ง เราจึงไม่ได้ขายเเค่รองเท้าเราแต่ขายความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของเรากับลูกค้าด้วย”
ความแข็งแรงและความสัมพันธ์ในครอบครัว ทำให้ธุรกิจยืนหยัดมาได้ถึงกว่า 80 ปี
เชื่อว่าหลายคนที่ทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้านไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเล็กๆหรือธุรกิจใหญ่โต ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องการ “ทะเลาะวิวาทภายในครอบครัว” เพราะด้วยความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน เจอกันทุกวัน คนเรามักจะละเลยความรู้สึกของคนใกล้ตัว แสดงพฤติกรรมที่เป็นตัวเอง มีหลายกรณีที่ธุรกิจครอบครัวต้องจบลงด้วยการทะเลาะวิวาท บางครั้งนำไปสู่การฟ้องร้อง กระทั่งใช้ลูกกระสุนปืนเป็นเครื่องตัดสิน
แต่สำหรับธุรกิจครอบครัวรองเท้าทำมือ Youngfolks ได้ยึกมั่นคำสั่งสอนของอากงมาเป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจครอบครัว โดยคุณเก๋เล่าว่า “ทุกวันนี้ธุรกิจยังดำรงอยู่ เพราะเชื่อว่าเป็นเพราะคำว่าครอบครัว โดยอากงจะปลูกฝังตั้งแต่รุ่นอากงกับอาม่าคือที่เคยบอกว่า สิ่งเดียวในชีวิตที่เขาสอนกันมารุ่นต่อรุ่น เขาไม่เคยสอนว่าให้พวกเราต้องเก่ง ต้องรวยล้นฟ้า ไม่ต้องการเป็น number one แต่สิ่งที่เขาสอนมากที่สุดคือ รักครอบครัวไว้นะ เพราะครอบครัวคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ไม่ว่าวันหนึ่งคุณจะล้มลง หรือคุณจะทำอะไรผิดพลาด ยังมีครอบครัวที่อยู่กับเคียงข้างเสมอ”
คำว่าครอบครัวมันยิ่งใหญ่และสำคัญต่อความรู้สึก ทำให้คนในครอบครัวแต่ละรุ่นถูกส่งต่อกันมาด้วยความรักในสิ่งที่อากงมอบให้ไว้ นั้นคือของขวัญล้ำค่าที่องกงไม่ได้เพื่อตัวเองและทำเพื่อที่อยากจะส่งต่อให้กับรุ่นต่อรุ่นได้สืบทอดธุรกิจ
เมื่อตกลงความคิดเห็นกันไม่ได้ ครอบครัวสามพี่น้องของคุณเก๋ จะใช้วิธีการโหวต 2 ต่อ 1 เพื่อผลลัพธ์ ที่จะทำให้แบรนด์หรือธุรกิจดำเนินต่อไปได้
ดำรงรักษาช่างฝีมือไว้ เพื่อมอบสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจให้แก่คนรับ
มีคำกล่าวที่ว่า “ศิลปะจะงดงาม และควรค่าจะตกอยู่ในมือของคนที่ถูกเลือก” รองเท้าทำมือ Youngfolks ก็เช่นกัน ที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งงานฝีมือจากช่างที่อยู่คู่กับครอบครัวนี้มาเป็นเวลายาวนาน เพราะรองเท้าทำมือไม่ต่างจากงานหัตถกรรม ที่ต้องใช้ความปราณีตและความชำนาญในการรังสรรค์และออกแบบ กว่าจะเป็นรองเท้า 1 คู่ต้องใช้ช่างฝีมือที่ความรู้เฉพาะทางและความเชี่ยวชาญในการทำ
“อยากส่งต่อความรู้สึกหรือจิตวิญาณของครอบครัวช่างฝีมือที่คู่อยู่กับคนไทยมานานกว่า 80 กว่าปี งานฝีมือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าสามารถเกลาจิตใจคนได้ ไม่ใช่ว่าคุณทำงานฝีมือให้แค่สวยงาม แต่สิ่งที่มากกว่านั้นมันมีคุณค่าทางจากจิตใจตั้งแต่คนทำที่ได้ส่งมอบให้กับลูกค้าที่ชื่ชอบงานรองเท้ามือ ซึ่งคำว่างานฝีมือ มันไม่ใช่เรื่องที่แบบคุณทำได้วันเดียว”
จากวันนั้นที่อากงทำรองเท้าให้ทหารญี่ปุ่น สู่ แบรนด์ Youngfolks รองเท้าทำมือที่วันนี้ได้ขึ้นห้าง และมีหน้าร้านเป็นของตัวเองอยู่ที่ ห้างสยามพารากอน และหากสนใจรองเท้าทำมือ หรือ อยากอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องราวความสัมพันธ์ของครอบครัว Youngfolks ก็สามารถเข้าไปที่ Facebook Youngfolks ได้เช่นกัน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา