Yayoi ลุยแจกฟรีทั้งปี กิน-เน็ต-หนัง พาไปเที่ยวญี่ปุ่น กระตุ้นยอดขาย

ถ้าพูดถึงร้านอาหารญี่ปุ่น ในไทย “ยาโยอิ” (Yayoi) น่าจะเป็นตัวเลือกสำหรับคนเมืองทั่วไป ด้วยราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยากนัก ปีก่อนยาโยอิส่งแคมเปญกินฟรีตลอดปี จนประสบความสำเร็จเพราะกระตุ้นยอดขายได้มากถึง 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปีนี้เลยจัดแคมเปญภาคต่อ “ลุ้นฟิน กินฟรี ปี 2” แต่ไม่ได้ให้กินฟรีเหมือนปีก่อนเท่านั้น ปีนี้จะแจกอินเตอร์เน็ตฟรี ดูหนังฟรี และลุ้นไปเที่ยวญี่ปุ่นฟรีอีกด้วย

เคล็ดลับของ “ยาโยอิ” คือ ความต่อเนื่องของโปรโมชั่น

ด้วยความพยายามตอกย้ำความเป็นผู้นำร้านอาหารญี่ปุ่นที่บอกว่าเน้นความเป็นสไตล์ต้นตำหรับ ปีนี้ยาโยอิ ส่งแคมเปญภาคต่อจากปีที่แล้วที่ให้กินฟรีทั้งปี และประสบความสำเร็จจากการกระตุ้นยอดขายที่เติบโตขึ้นถึง 15% คิดเป็นยอดขายอยู่ที่ 2,900 ล้านบาท

สมชาย หาญจิตต์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (พัฒนา, การตลาด และธุรกิจอาหารญี่ปุ่น) บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ระบุชัดว่า แคมเปญกินฟรีทั้งปีเป็นเสมือนลายเซ็นของยาโยอิไปแล้ว เพราะผู้คนจำได้ เป็นเอกลักษณ์ และยังเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทยที่กล้ามอบประสบการณ์เช่นนี้ ส่วนปีนี้ตั้งเป้าไว้ว่าด้วยแคมเปญใหม่ที่ส่งมาจะกระตุ้นยอดขายให้ได้ถึง 3,500 บ้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการโตที่ 15-18% จากปีที่ผ่านมา

“เป็นโจทย์ที่ยาก แต่เราต้องทำ เพราะยาโยอิจะถึงเป้าหมายได้ไม่ใช่การเพิ่มราคาอาหาร แต่อยู่ที่การจัดโปรโมชั่น เพื่อให้เกิดการจดจำของลูกค้า และจะทำให้เกิดความถี่ในการเข้ามาใช้บริการ จากสถิติลูกค้าหลักๆ ของเรา ในหนึ่งสัปดาห์แวะเวียนมาใช้บริการไม่น้อยกว่า 2 ครั้งด้วยกัน”

แคมเปญในปีนี้ความพิเศษจึงไปอยู่ที่การเพิ่มของรางวัลจากปีที่แล้ว เพราะปีที่แล้วมีเพียงให้กินฟรีทั้งปี แต่ปีนี้จากการทำการสำรวจ และโฟกัสกรุ๊ป พบว่า ลูกค้ามีไลไฟ์สไตล์ที่เพิ่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือการใช้งานอินเตอร์เน็ต และการชมภาพยนตร์ รวมถึงการท่องเที่ยว

“ยาโยอิจึงจัดแคมเปญปีที่ 2 ด้วยการดึงเอาไลฟส์ไตล์ของลูกค้ามาเป็นตัวตั้งในการทำโจทย์ เพื่อตอบสนองลูกค้าให้ได้มากที่สุด”

มองธุรกิจยาโยอิ อนาคต สาขา และ Key Success

ยาโยอิในไทยปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 160 สาขา ตั้งเป้าว่าในแต่ละปีจะขยายให้ได้ปีละ 20-25 สาขา แน่นอนว่าในปี 2560 ก็จะทำให้ได้ตามแผนที่วางไว้คือ 20-25 สาขา แต่ต้องดูปัจจัยสำคัญคือห้างสรรพสินค้าใหม่ ว่าจะเกิดขึ้นทันกับการขยายสาขาของยาโยอิหรือไม่ นอกจากนั้นยังมุ่งมั่นว่าจะขยายให้ได้ 300 สาขาภายใน 5 ปี (ข้อมูลนี้ผู้บริหารคาดเดาเบื้องต้น) แต่การขยายสาขายังคงสัดส่วนตัวเลขไว้ที่ กทม. 60% ต่างจังหวัด 40% ส่วนหนึ่งสาขานั้น หากคำนวณแล้ว พื้นที่ประมาณ 150 ตารางเมตร อยู่ที่ 7-8 ล้านบาทต่อสาขา เพราะฉะนั้นงบขยายสาขาปีนี้จึงอยู่ราวๆ 20-25 ล้านบาท

ตอนนี้ยาโยอิไทยในฐานะที่ได้ License จากญี่ปุ่น เริ่มมองหาการขยับขยายออกไปยังต่างประเทศ อย่างตอนนี้มีที่ลาวอยู่ 1 สาขา สิงคโปร์ 9 สาขา กำลังดูเวียดนามและพม่าเป็นลำดับถัดไป

ส่วน Key Success ของยาโยอิ ผู้บริหารระบุว่า มี 3 อย่างคือ คุณภาพอาหาร การจัดโปรโมชั่นที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ลูกค้า และสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม โดยทั้ง 3 สิ่งนี้ต้องบริหารให้สอดคล้องกันไปตามบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ก็เน้นย้ำว่าจุดเด่นของยาโยอิคือโปรโมชั่นที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา

กติกา กินฟรี เล่นเน็ตฟรี ดูหนังฟรี ลุ้นเที่ยวฟรีที่ญี่ปุ่น

ส่วนแคมเปญ “ลุ้นฟิน กินฟรี ปี 2” ที่มีกิจกรรมไฮท์ไลท์ชื่อว่า “ฟรีทั้งร้าน ฟินสะท้านเมือง” จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ทุกสาขาทั่วประเทศ ลูกค้าเพียงทานอาหารยาโยอิให้ครบ 500 บาทต่อ 1 ใบเสร็จ รับคูปองร่วมลุ้นโชค ดังนี้

  •  กินฟรี! ตลอดปี รับบัตรรับประทานอาหารที่ร้านอาหารยาโยอิ มูลค่าเดือนละ 2,000 บาท จำนวน 30 รางวัล รวมทั้งหมด 720,000 บาท
  •  เน็ตฟรี! ตลอดปี ลุ้นรับแพ็คเกจอินเตอร์เน็ต ทรูมูฟ เอช มูลค่าเดือนละ 1,000 บาท จำนวน 60 รางวัล รวมทั้งหมด 720,000 บาท
  • ดูหนังฟรี! ตลอดปี รับบัตรชมภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เดือนละ 6 ที่นั่ง มูลค่า 1,200 บาท จำนวน 60 รางวัล รวมทั้งหมด 720,000 บาท

มากกว่านั้น ลูกค้าที่ชำระค่าอาหารผ่านบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี ลุ้นเป็นผู้โชคดีเที่ยวโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กันแบบฟรีๆ จำนวน 6 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 900,000 บาท

สรุป

ปกติแล้ว ยาโยอิจะมียอดเติบโตอยู่ที่ 10-14% แต่ปี 2559 มียอดขึ้นมาถึง 15% ในขณะที่ปี 2560 นี้จะเร่งยอดขายไปที่ 15-18% ถือเป็นยอดขายที่ตั้งไว้สูงมาก ความหวังในปีนี้ของยาโยอิจึงอยู่ที่แคมเปญ”ลุ้นฟิน กินฟรี ปี 2″ และอาจจะส่งแคมเปญกระตุ้นยอดขายต่อจากนี้เพิ่มอีก ดังนั้นแล้ว ต้องจับตามองว่ายาโยอิจะไปได้ถึงเป้าหมายในปีนี้หรือไม่

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา