เปิดแผน เสียวหมี่ ประเทศไทย กับการยกระดับลูกค้าในไทยด้วยสมาร์ตโฟน และอุปกรณ์ AIoT

ยังเป็นแบรนด์ที่ถูกพูดถึงในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องสำหรับ เสียวหมี่ (Xiaomi) เพราะนอกจากผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือที่เป็นจุดขายของแบรนด์ ยังมีสินค้าอื่น ๆ ไล่ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า, อุปกรณ์เสริม และอุปกรณ์ภายในบ้านที่ล้วนเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ทั้งยังมาในราคาที่ผู้บริโภคเอื้อมถึงได้ไม่ยาก

และในปี 2568 เสียวหมี่ ประเทศไทย ยังเดินหน้ากลยุทธ์เพื่อทำตลาดกลุ่มสินค้าดังกล่าวเช่นเดิม นำโดยสมาร์ตโฟนที่มาพร้อมกับระบบ AI ตามยุคสมัย ในราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยาก พร้อมอุปกรณ์เสริม และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีโทรทัศน์ขนาด 85 นิ้ว ราคาพิเศษ 39,990 บาท เป็นไฮไลต์สำคัญ

ไลน์อัปสินค้าของเสียวหมี่ที่จะทำตลาดในประเทศไทยปี 2568 จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง นอกจากโทรทัศน์แล้วจะมีไฮไลต์อื่น ๆ อีกหรือไม่ รวมถึงกลยุทธ์ในการทำตลาดจะออกมาในรูปแบบใด Brand Inside ได้สรุปมาให้ผู้อ่านได้รับรู้ดังนี้

เสียวหมี่

นำทัพโดย Redmi Note 14 Series

เริ่มต้นกันที่กลุ่มสมาร์ตโฟนกันก่อน เสียวหมี่ ส่ง Redmi Note 14 Series สมาร์ตโฟนระดับ Mid Range ที่วางราคาไว้ราวหนึ่งหมื่นบาท แต่พยายามสื่อสารการตลาดออกมาในเรื่องการถ่ายภาพที่ทำได้ในระดับเดียวกับรุ่นเรือธง มี 4 รุ่นย่อย ประกอบด้วย

การถ่ายภาพนั้น เสียวหมี่ เลือกนำ AI มาเป็นอาวุธหลักในการสื่อสาร โดย AI ในสมาร์ตโฟนรุ่นดังกล่าวสามารถช่วยเหลือการถ่ายภาพให้ดี และสะดวกยิ่งขึ้น เช่น การลบสิ่งที่ไม่ต้องการ และการเพิ่มเติมพื้นหลังให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อทำงานคู่กับระบบป้องกันภาพสั่นไหว ย่อมช่วยให้ตอบโจทย์การใช้งานมากกว่าเดิม

ขณะเดียวกันยังชูฟีเจอร์ Google Gemini อีกระบบ AI ของ Google เพื่อช่วยให้การใช้งานบนสมาร์ตโฟนดีขึ้น เช่น ฟีเจอร์ Circle to Search ที่สามารถค้นหาสิ่งต่าง ๆ บนหน้าจอสมาร์ตโฟนได้เพียงแค่วาดรูปวงกลม เรียกว่า AI กลายเป็นอีกส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคก็ว่าได้

เสียวหมี่

ร่วมมือ BamBam ช่วยสื่อสารแบรนด์เช่นเดิม

สำหรับ Redmi Note 14 Series เสียวหมี่ยังใช้กลยุทธ์แต่งตั้งพรีเซนเตอร์เพื่อช่วยสื่อสารแบรนด์อีกทาง โดยในรุ่นดังกล่าวได้ร่วมมือกับ BamBam ศิลปินดังอดีตสมาชิกวง GOT7 โดยนอกจากเป็นตัวแทนแบรนด์แล้ว เสียวหมี่ยังมีการให้สิทธิพิเศษกับผู้ซื้อสมาร์ตโฟนรุ่นดังกล่าวเพื่อได้รับสิทธิ์ Meet and Greet กับศิลปินคนนี้ด้วย

สิทธิ์ดังกล่าวมีเพียง 150 สิทธิ์ และให้กับลูกค้าที่ซื้อรุ่น Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 Pro 5G เท่านั้น หรือรุ่นระดับบนของสมาร์ตโฟน Redmi Note 14 Series ถือเป็นการเพิ่มยอดขายอีกทาง นอกจากนี้เสียวหมี่ยังจัดทำรุ่นพิเศษที่มาพร้อมกับ BamBam Exclusive Gift Set เพื่อให้แฟนคลับได้เก็บสะสมเช่นกัน

ทั้งนี้การใช้พรีเซนเตอร์ในวงการโทรศัพท์มือถือไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะแบรนด์ต่าง ๆ มีการจ้างพรีเซนเตอร์มาช่วยทำตลาด แต่ส่วนใหญ่เลือกใช้พรีเซนเตอร์ของแต่ละพื้นที่เพื่อทำตลาดในแต่ละประเทศ ส่วนเสียวหมี่เลือกใช้พรีเซนเตอร์คนเดียวเพื่อสื่อสารทั้งระดับโลก และในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงประเทศไทย

เสียวหมี่

ยังไม่ลืมกลุ่มอุปกรณ์เสริมเพื่อความครบครัน

นอกจากสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ เสียวหมี่ยังส่งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความครบครัน หรือเพิ่มระบบนิเวศของการใช้งานอุปกรณ์สมาร์ตโฟนให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านั้นก็คงไม่พ้นหูฟัง, นาฬิกา และพาวเวอร์แบงก์ โดยหูฟังมี 2 รุ่นคือ Redmi Buds 6 กับ Redmi Buds 6 Pro ราคาปกติ 1,790 บาท กับ 2,990 บาท ตามลำดับ

ส่วนนาฬิกาอัจฉริยะจะเป็นรุ่น Redmi Watch 5 สมาร์ตวอทช์ ที่จำหน่ายในราคาปกติ 3,990 บาท และยังมีพาวเวอร์แบงก์รุ่น Xiaomi 165W Power Bank 10000 กับ Xiaomi 33W Power Bank 10000 ที่จำหน่ายในราคาพิเศษเช่นกัน

แต่ที่น่าสนใจคือ Xiaomi Smart Audio Glasses แว่นตาอัจฉริยะที่มาพร้อมลำโพงช่วยให้ใส่แว่น พร้อมกับฟังเพลงไปได้ในอุปกรณ์ตัวเดียว ถือเป็นอีกสินค้าที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการใช้งานอุปกรณ์ของเสียวหมี่ได้อีกขั้น โดยอุปกรณ์นี้จำหน่ายในราคาปกติที่ 5,990 บาท

เสียวหมี่
Screenshot

เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ยังเน้นเช่นกัน

ปิดท้ายด้วยสินค้ากลุ่ม AIoT หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งเชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับเครื่องฟอกอากาศของเสียวหมี่ไม่มากก็น้อย ซึ่งในช่วงนี้ที่ฝุ่น PM 2.5 กำลังกลับมาอีกครั้ง เสียวหมี่เตรียมรับโอกาสทางธุรกิจด้วย Xiaomi Smart Air Purifier Elite ที่สามารถกรองอากาศได้สะอาด 10,000 ลิตร/นาที

นอกจากนี้ Xiaomi Smart Air Purifier Elite ยังไม่ได้ถูกออกแบบในรูปแบบเดิม แต่สามารถเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้ คล้ายกับเครื่องใช้ไฟฟ้าของหลากหลายแบรนด์ที่เริ่มออกแบบในรูปแบบดังกล่าวมากขึ้น โดยสินค้าตัวนี้จะจำหน่ายในราคาปกติ 13,990 บาท

ปิดท้ายด้วย Xiaomi TV Max 85 2025 สมาร์ตทีวีรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 85 นิ้ว แบบ QLED รองรับความคมชัด 4K และรีเฟรช 144 Hz มีการใช้ AI ช่วยประมวลผลด้านภาพ พร้อมระบบ Google TV จากโรงงาน จำหน่ายในราคาปกติ 49,990 บาท

ทั้งหมดนี้คือไลน์อัปสินค้าเปิดปี 2568 ที่เสียวหมี่จะทำตลาดในประเทศไทย มีทั้งสมาร์ตโฟนที่อาศัยพลังพรีเซนเตอร์ และการชูเรื่องความคุ้มค่า กับการถ่ายภาพด้วย AI เป็นจุดขาย ควบคู่กับสินค้ากลุ่ม AIoT ที่ทำให้การใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเสียวหมี่ยกระดับชีวิตของผู้บริโภคได้จริง ส่วนความนิยม และยอดขายจะเป็นอย่างไรต้องลุ้นกัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา