Xi Jinping ได้อยู่ต่อ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีจีนสมัยที่ 3
การขึ้นเป็นผู้นำสมัย 3 ของสี เกิดขึ้นได้หลังแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงปี 2018 ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี เนื้อหาสำคัญที่แก้ไขคือการปลดล็อควาระในการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี
การแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวส่งผลต่อการขยายอำนาจและบทบาทของผู้นำจีนได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด สี จิ้นผิง สามารถครองเก้าอี้ผู้นำได้ตราบนานเท่านานเท่าที่เขาต้องการ สี จิ้นผิงไม่เพียงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแต่ยังควบตำแหน่งประธานกรรมาธิการกลางกองทัพจีนด้วย สี จิ้นผิงขึ้นสู่อำนาจอย่างเป็นทางการในปี 2012 จวบจนปัจจุบันเขาอายุ 69 ปีแล้ว
คำกล่าวของสี จิ้นผิงที่พยายามสร้างความมั่นใจว่าแม้จะเป็นผู้นำหน้าเดิมมาสองสมัยติดต่อกันแล้ว แต่จีนก็จะไม่เป็นรัฐโบราณ ดึกดำบรรพ์ ผ่านสุนทรพจน์ของเขาในวันนี้ว่า “เปิดเส้นทางจีนสู่ความทันสมัย เข้าสู่ยุคแห่งความยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต”
ด้านรองศาสตราจารย์ Yang Zhang จาก School of International Service จาก American University ระบุว่า สี จิ้นผิงในการปกครองสมัยที่ 3 นี้จะกลายเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง เพราะเขารวบอำนาจและวางคนของเขาไว้ในคณะกรรมาธิการถาวรของจีนไว้หมดแล้ว
คนของสี จิ้นผิง ไม่จำเป็นต้องได้รับความนิยมจากประชาชน แค่ภักดีต่อสี ก็พอ
รองศาสตราจารย์ Yang ยังชี้ให้เห็นอีกว่า สี จิ้นผิงส่งสัญญาณชัดเจนว่าเขาไม่ได้ต้องการความนิยมจากประชาชน แต่ต้องการความจงรักภักดีที่มีต่อเขา คำกล่าวนี้สะท้อนจากตัวเก็ง Li Qiang อดีตประธานพรรคเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับ Xi Jinping ที่คาดว่าน่าจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี
Li Qiang คือคนที่ดูแลการล็อคดาวน์เซี่ยงไฮ้ยาวนาน 2 เดือนและปล่อยให้ชาวบ้านหิวโหยเพราะขาดแคลนอาหาร แถมยังเป็นมหานครที่ถูกปลุกปั่นด้วยความคั่งแค้นอย่างมากของผู้คนเพราะรัฐดำเนินนโยบาย Zero Covid เข้มข้นแบบไม่ผ่อนปรน
สำหรับสมัยที่ 3 ของสี จิ้นผิงนี้ อย่างที่เขาบอกว่า เปิดเส้นทางจีนสู่ความทันสมัย ถ้าเราดูสมรภูมิเทคโนโลยีที่สหรัฐฯ ยึดหัวหาดไว้หมดแล้วโดยมีจีนพร้อมท้าทายอำนาจตลอดเวลา คำกล่าวของสี สะท้อนให้เห็นว่า เขากำลังเอาจริงกับการทำชาติให้ทันสมัยและพร้อมต่อกรกับการปะทะกันครั้งนี้ หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ก็กำลังระวังการดำเนินนโยบายของสหรัฐที่เพิ่งต่อต้านเทคโนโลยีจากจีนเช่นกัน ดังนั้น ขณะที่จีนต้องรับมือสหรัฐ จีนภายใต้สี จิ้นผิงก็กำลังทะยานขึ้นสู่ความเป็นใหญ่ในโลกแบบพึ่งพาตัวเองมากขึ้น เนื่องจากหลายชาติก็กำลังกระจายซัพพลายเชนไปยังชาติอื่น
ที่มา – Washington Post, SCMP
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา