ผลสำรวจพบ คนไทยทุกเจนกังวลเรื่องการเงิน ส่วนเรื่องงานไม่หวังเลื่อนขั้น ขอแค่มีให้ทำก็พอ

Bangkok Street
BANGKOK, THAILAND – People eat noodles at social distancing street food stalls in Chinatown (Photo by Lauren DeCicca/Getty Images)

ในช่วงเวลาที่สถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ที่ส่งผลกระทบกับทุกธุรกิจทุกภาคส่วน และคนทุกคน ทุกพื้นที่ กำลังผ่อนคลายลง สถานการณ์หลายๆ อย่างมีท่าทีที่ดีขึ้น แต่พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ถูกผลกระทบทั้งในเรื่องของสภาพจิตใจ รวมไปถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ ที่ได้เปลี่ยนไปก่อนหน้านี้ ในช่วงที่มีการระบาดรวมถึงในตอนนี้ที่ก้าวเข้าสู่ช่วง POST COVID-19 ต้องใช้ชีวิตให้สอดรับกับชีวิตวิถีใหม่

วันเดอร์แมน ธอมสัน ทำการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยในช่วงภายหลังการระบาดของโรค COVID-19* พบว่า การระบาดของโรค COVID-19 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลต่อคนทุกคนในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นช่วงอายุไหนหรืออยู่ในพื้นที่ใด ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

การเงินและเศรษฐกิจ (Finance & Economy) 

  • ผู้บริโภคมีความกังวลด้านเศรษฐกิจและการเงินมากที่สุดโดยกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากถึง 71%
  • ผู้บริโภคมีความกังวลในเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวได้ช้า 60%
  • ผู้บริโภคกังวัลเรื่องหน้าที่การงานและธุรกิจของตนเองจะหยุดชะงัก 60%

นอกจากนั้น เมื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนของผู้บริโภค พบว่า ผู้บริโภคกว่าครึ่งหนึ่งเลือกที่จะไม่ลงทุนกับเรื่องใดๆ เลย แต่เลือกที่จะถือเงินสดไว้กับตัว หรือเลือกที่จะฝากเงินไว้ที่ธนาคารมากกว่า โดยผู้บริโภคเหล่านี้จัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่ชอบความเสี่ยง (Risk-Averse) คือจะไม่ลงทุนใด ๆ นอกจากการออมเงิน เนื่องมาจากระดับรายได้และกังวลว่าลงทุนแล้วจะไม่ได้รับผลตอบแทนกลับมา

แต่หากจะดูในสิ่งที่ผู้บริโภคเลือกลงทุนมากที่สุดในช่วงนี้ จะพบว่า

  • ผู้บริโภคเลือกที่จะลงทุนไปกับการออมเงินประจำเดือน 33%
  • รองมาเป็นการลงทุนเกี่ยวกับการเปิดธุรกิจของตนเอง 20%
  • และลงทุนกับการซื้อประกันภัย 12%

นอกจากนี้จากการศึกษาและสัมภาษณ์เพิ่มเติม พบว่า ผู้ที่มีครอบครัว เศรษฐกิจส่งผลกระทบในหลายแง่มุม นอกจากเศรษฐกิจจะส่งผลด้านสภานภาพทางการเงินแล้ว ยังต้องดูแลคนในครอบครัวทั้งเด็ก และผู้สูงอายุในครอบครัว กลัวว่าตนเองจะไม่สามารถให้ความเป็นอยู่ที่ดีกับทุกคนได้อย่างเต็มที่ในอนาคต อาจทำให้เกิดเกิดภาวะเครียดและซึมเศร้า ดังนั้นทุกครอบครัวจะต้องป้องกันภาวะความเครียดให้กับสมาชิกในบ้าน โดยเลือกใช้วิธีสื่อสารกับครอบครัวให้ดีที่สุด

Crowds of Asian people wearing face protection while going to their workplace in Bangkok at morning rush hour
crowds of Asian people wearing face protection while going to their workplace in Bangkok at morning rush hour. wear medical face mask to protect from infection of viruses, pandemic, outbreak and epidemic of disease in crowded

การงานและอาชีพ (Work & Career)

การงานคือแหล่งรายได้ละความมั่นคง ในช่วงเวลานี้ผู้บริโภคไม่ได้มองเรื่องความก้าวหน้าทางการงานเป็นเป้าหมายหลักอีกต่อไป กลับมองว่าการมีงานทำ คือเรื่องสำคัญที่สุด

จากการศึกษาในเรื่องอาชีพและการทำธุรกิจพบว่า

  • ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องความมั่นคงในหน้าที่การงานของตนเองถึง 62%
  • ผู้บริโภคกว่า 48% ยังกังวลในเรื่องการถูกลดเงินเดือน
  • ผู้บริโภคกังวลในเรื่องของการถูกเลิกจ้างหรือการไม่มีงานทำอีกกว่า 47%

เมื่อศึกษาในเรื่องการต้องการใช้จ่ายในกิจกรรมที่ทำในช่วงสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่า

  • ผู้บริโภคมีความคิดที่จะลงทุน ลงแรงในการหางานทำและการรักษาหน้าที่การงานมากขึ้น ด้วยการเพิ่มความสามารถ (Up-Skill) และกลับไปเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม (Re-Skill) รวมไปถึงการเข้าอบรมที่ทางบริษัทส่งไป โดยผู้บริโภคใช้จ่ายเงินในเรื่องนี้ถึง 31.5%
  • ผู้บริโภคเลือกที่จะใช้ไปกับการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 19.4%
  • ผู้บริโภคยังมีพฤติกรรมใหม่เกิดขึ้นคือเลือกที่จะลดการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านถึง 51.6%
  • ผู้บริโภคลดการออกไปเที่ยวสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนลง 50.1%
  • ผู้บริโภคลดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง 50%
  • ส่วนกิจกรรมอื่นๆ เช่น การไปท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ การไปยิมเพื่อออกกำลังกาย และการไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าก็มีการลดลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน 

คนต่างเจน แต่มีความกังวลร่วม

จากการสัมภาษณ์เพิ่มเติมทำให้พบว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคที่อยู่ในเจนเนอเรชั่นใดหรืออยู่ในพื้นที่ไหน ต่างก็มีความกังวลในเรื่องของความมั่นคงทางด้านการงานและการเงินเหมือนกัน จากแต่ก่อนที่มีความกังวลหรือให้ความสำคัญแตกต่างกันไปแต่ละเจนเนอเรชั่น แต่ก็จะมีการปรับตัวดังนี้

เจน Z: ชีวิตที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วย Passion อย่างเดียว โดยเจนซีเป็นกลุ่มคนที่กำลังจะจบการศึกษา และเข้าสู่ตลาดแรงงานในช่วงที่อัตราการว่างงานสูง และมีตำแหน่งเปิดรับอย่างจำกัด ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา ทำให้ Gen Z มีเวลาที่จะทบทวนตนเองมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่ผ่านมา ทบทวนความชอบของตัวเองอีกครั้ง และเริ่มกลับมาเรียนรู้ทักษะเพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมายของอาชีพที่มั่นคงในอนาคตก่อน แล้วเก็บความชอบของตนเองไว้เป็นเรื่องรองลงมา

เจน Millennials: เปลี่ยนสิ่งที่ชอบให้เป็นรายได้ โดยมิลเลนเนียล เป็นกลุ่มที่เริ่มทำงานมาสักพัก ตอนนี้จะเริ่มทบทวนตัวเองในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการใช้จ่าย กิจกรรมท่องเที่ยว และการพักผ่อนที่ไม่สามารถทำได้เช่นเดิม งานที่ทำเริ่มขาดความมั่นคง ทำให้ต้องเริ่มพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็นต่องานของตนเอง หรือเอื้อต่อความก้าวหน้าในอนาคต และเพื่อความมั่นคงจึงต้องหาแหล่งรายได้อื่น กลุ่ม Millennials จะเริ่มที่นำสิ่งที่ชอบมาหารายได้เพื่อให้คงสถานะทางการเงินและเป็นแหล่งรายได้เสริม เป็นหลักประกันเพิ่มความมั่นคงอีกช่องทาง

กลุ่มคนต่างจังหวัด : ปรับตัวอยู่แล้วไม่ต้องรอ COVID-19 คนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มีการปรับตัวตลอดเวลาอยู่แล้ว เนื่องจากมีเรื่องที่ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่น ภัยธรรมชาติ ค่าแรง ราคาผลผลิต จึงการปรับเปลี่ยนการทำงานตามสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว มุมมองของคนต่างจังหวัดที่มีต่อ COVID-19 เป็นแค่การปรับตัวอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น

Marketing

แบรนด์ควรรับมืออย่างไร

วันเดอร์แมน ธอมสัน ได้คาดคะเนพฤติกรรมของผู้บริโภคช่วงหลัง COVID-19 เพื่อให้แบรนด์ได้เตรียมพร้อมรับมือกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่

พฤติกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในระยะสั้น-กลาง (0-1 ปี) ผู้บริโภคจะมีพฤติกรรมไม่ชอบความเสี่ยง และเลือกที่จะถือเงินสดหรือฝากธนาคาร รวมถึงมีการหารายได้เสริมช่องทางอื่น ๆ เพื่อความมั่นคงทางการเงิน นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มทักษะใหม่ ทบทวนทักษะเดิม ต่อยอดทักษะที่มีเพื่อความมั่นคงในหน้าที่การงาน หรือรอโอกาสที่จะเข้ามาในอนาคต นอกจากนี้ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับการสร้างสุขภาพกายและจิตใจให้ดียิ่งขึ้น ในส่วนของพฤติกรรมการซื้อสินค้า ผู้บริโภคจะเดินเข้าร้านค้าลดลง หลีกเลี่ยงพื้นที่คนพลุกพล่าน แต่จำนวนการซื้อสินค้านั้นไม่ได้ลดลง

  • นำเสนอคุณค่าให้กับผู้บริโภคก่อน
  1. แบรนด์จะต้องกลับมานึกถึงคุณค่าที่แบรนด์ต้องการจะเสนอแก่ผู้บริโภคให้มากขึ้น โดนเน้นเรื่องของมูลค่าที่ได้รับ หรือความคุ้มค่าที่ได้ซื้อ
  2. สร้างความรู้สึกถึงการได้รับประโยชน์อื่น ๆ นอกเหนือจากการลดราคา เช่น การสะสมแต้ม เงินคืน แลกของรางวัล หรือ Loyalty Program ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการซื้อและช่องทางที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น รู้สึกแบรนด์ได้ให้อะไรกลับไปสู่ผู้บริโภค
  3. ทบทวนบทบาทของสินค้าแบรนด์ตนเองที่มีต่อผู้บริโภค ว่าสามารถสร้างประสิทธิภาพ ผลตอบแทน รายได้ หรือเพิ่มทักษะเกี่ยวกับงานของผู้บริโภคได้อย่างไร
  • การซื้อเพื่อความผ่อนคลายเปลี่ยนเป็นการซื้อเพื่อความสุขของคนในบ้าน

1.พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากการซื้อเพื่อการผ่อนคลาย หรือ Window Shopping เปลี่ยนเป็นการซื้อเพื่อสร้างความสุขให้แก่คนในบ้าน หรือสร้างความสุขให้กับการใช้ชีวิตในบ้านแทน 

2.พฤติกรรมการใช้ช่องทางออนไลน์อาจเพิ่มขึ้น แต่อาจเกิดการซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ แบรนด์ควรเตรียมความพร้อมในทุกช่องทาง

  1. สำหรับร้านค้า จำเป็นต้องออกแบบรูปแบบการซื้อสินค้าให้มีความสอดคล้องกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ช่วงหลัง COVID-19 ร้านค้าจำเป็นต้องเน้นเรื่องความสะดวก ความคล่องตัวในการซื้อของมากขึ้น เพื่อลดเวลาในการซื้อ ลดการสัมผัสระหว่างลูกค้าและพนักงาน เพื่อให้การซื้อมีประสิทธิภาพและรวดเร็วที่สุด
  2. แบรนด์ควรนำเอาข้อมูลลูกค้าจากทั้งออนไลน์และออฟไลน์มาใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และนำมาทำนายการซื้อเพื่อการปรับปรุงบริการในอนาคตให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคให้มากขึ้น

พฤติกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในระยะยาว (1-3 ปี) ผู้บริโภคพยายามที่จะรักษาความมั่นคงของตัวเอง ควบคู่ไปกับการรักษาการงานของตัวเองไว้ รวมถึงในเรื่องของสุขภาพ สุขภาพจิตได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเมื่อพูดถึงเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ คนจะมีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น ใช้เวลาในการทำสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น พ่อแม่เริ่มบรรจุเรื่องสุขภาพอนามัยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทักษะที่ต้องมีติดตัวในการใช้ชีวิต และมีการจัดการช่องทางการซื้อขายของตนและครอบครัวอย่างเป็นระบบมากขึ้น

ความสำเร็จต้องมาพร้อมกับสุขภาพจิตใจที่ดี

  1. สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ นอกจากจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้ว คือ ต้องมีสุขภาพจิตที่ดีอีกด้วย ต้องมีการรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต และได้ทำตามความต้องการในสิ่งที่ตนเองชอบไปพร้อม ๆ กันได้ แบรนด์ควรสนับสนุนผู้บริโภคให้ทำทุกอย่างได้อย่างราบรื่น
  2. บทบาทของแบรนด์และสินค้าคือ การนำเสนอคุณค่าทางอารมณ์ใหม่ ๆ ให้แก่ผู้บริโภค อาจเปลี่ยนจากการสร้างความรู้สึกของการเป็นที่รักและเป็นที่ยอมรับเป็นความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยแทน

ย้อนวัยให้นึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ที่เราคิดถึง

  1. แบรนด์สามารถใช้โอกาสนี้ในการนำเอาสิ่งเก่าๆ มาทำให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้กับคนในครอบครัว เช่น ย้อนวัยสิ่งที่เคยทำร่วมกันตอนเด็ก นำเรื่องเก่ากลับมาเล่าเป็นเรื่องใหม่ให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน เช่น การฉลองในครอบครัว กิจกรรมที่เคยทำร่วมกันระหว่างครอบครัว เพื่อสร้างช่วงเวลาดี ๆ ให้การใช้ชีวิตที่บ้านมีสีสันมากขึ้น
  2. บทบาทที่จะสร้างความคิดเชิงบวก สอดแทรกความตลกบ้าง สามารถทำให้ผู้บริโภคหลีกหนีจากเรื่องราวรอบตัวชั่วคราวได้

ตัวจริงเรื่องความสะอาด

  1. เพื่อตอกย้ำเรื่องความสะอาดที่จะเป็นพฤติกรรมของชีวิตวิถีใหม่โดยอาจมาในรูปแบบของนวัตกรรม การสื่อสาร หรือการสร้างการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการมีสุขภาพอนามัยที่ดี นำเสนอประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

สลับบทบาทการซื้อสินค้าแบบเดิม ๆ ให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

  1. ช่องทางออฟไลน์ควรลดการสัมผัสระหว่างบุคคลให้มากที่สุด เพิ่มความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  2. ช่องทางออนไลน์ควรเป็นช่องทางที่ให้ผู้บริโภคใช้เวลาอยู่กับช่องทางนี้ได้เหมือนกับการที่ผู้บริโภค Mirror Shopping ให้ผู้บริโภคได้มีพื้นที่ในการเลือกชมสินค้า และเพิ่มอรรถรสในการซื้อของออนไลน์ที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้น

*ผลสำรวจระหว่างเดือนกรกฎาคม จำนวน 812 คน ช่วงอายุ 15 – 60 ปี เป็นชาย 32% หญิง 68% ครอบคลุมกรุงเทพและต่างจังหวัด การศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมถึงปริญญาเอก อาชีพรายได้ตั้งแต่น้อยกว่า 10,000 บาท – 50,000 บาทขึ้นไป โดยมีการศึกษาใน 4 หมวดหลัก  ได้แก่ เรื่องการเงินและเศรษฐกิจ (Finance & Economy), การงานและอาชีพ (Work & Career), การเข้าสังคมและการรักษาระยะห่างทางสังคม (Socialising & Social Distancing​) และสุขภาพและความเป็นอยู่ (Health &​ Wellbeing ) โดยผู้บริโภคแต่ละกลุ่มจะมีพฤติกรรมและความคิดเห็นต่อเรื่องต่างๆ ที่ทั้งเหมือนและแตกต่างกัน แบรนด์และนักการตลาดทั้งหลาย ควรสร้างความเข้าใจในพฤติกรรมเหล่านี้ให้ถ่องแท้ เพื่อให้แบรนด์และนักการตลาดนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการปรับใช้กลยุทธ์ทางการตลาดและการสื่อสารในยุคชีวิตวิถีใหม่

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา