World Thailand อธิบายกรณี สแกนม่านตาแลกคริปโทฯ ถ่ายแล้วลบ เก็บเป็นเลข ไม่ผูกข้อมูลบุคคล

จากกรณีสแกนม่านตาแลกคริปโทฯ ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ช่วงนี้ ล่าสุด World Thailand ผู้ให้บริการดังกล่าวในประเทศไทย ได้ตั้งโต๊ะแถลง นำโดยนายภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการ Tools for Humanity ประจำประเทศไทย และนายฟาเบียน โบดันสไตเนอร์ Managing Director จาก World Foundation

เบื้องต้น World Thailand อธิบายว่าเทคโนโลยีสแกนม่านตาของ World ระบบใช้เพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์เท่านั้น โดยพัฒนาขึ้นเพื่อยืนยันว่าเป็น ‘มนุษย์จริง’ (Proof of Human) ในโลกออนไลน์ ไม่ใช่บอตหรือ ปัญญาประดิษฐ์ และจะไม่นำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น

วิธีการเก็บข้อมูลที่สแกนไป

ภัคพลอธิบายว่า บริการนี้ไม่ใช่การยืนยันตัวบุคคล ระบบจะไม่รู้เลยว่าตัวตนของผู้ใช้เป็นใคร จะรู้เพียงแค่ว่าเป็นมนุษย์เท่านั้น เพราะผู้ใช้ไม่ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ต้องเปิดเผยชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ และตัวระบบก็ไม่สามารถติดตามผู้ใช้งานได้

“การทำงานคือหลังจากสแกนม่านตาผ่าน Orb แล้ว ก็จะได้ World ID เพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์” ภัคพลอธิบายต่อ “หลังจากนั้นก็จะแปลงเป็น Iris Code เป็นเลข 0 และ 1 กว่าหมื่นหลัก และตัวเลขไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นรูปได้ ส่วนภาพต้นฉบับจะถูกลบทันทีโดยไม่ถูกนำไปซื้อขายหรือจัดเก็บ จึงไม่ได้มีการเก็บข้อมูลชีวมิติใด ๆ 

วิธีการดูแล Iris Code คือถูกเก็บแบบเข้ารหัสในมือถือของผู้ใช้งาน แม้แต่ทาง World ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ และเข้ารหัสแบบ AMPC (Anonymous Multi-Party Computation) โดยหั่นเลขหมื่นหลักเป็นชิ้น ๆ กระจายศูนย์ไปเก็บที่ต่าง ๆ เช่น มหาวิทยาลัยเบิร์กลีย์

Orbs World Thailand

นอกจากนี้ Source Code ของระบบจะเป็นแบบ Open source ซึ่งมีลงไว้ใน GitHub และมีการตรวจสอบโดยบุคคลที่สามเพื่อยืนยันว่าไม่มีการเก็บข้อมูลชีวมิติอย่างที่ได้แจ้งไป 

การดำเนินงานในไทยของ World Thailand

ส่วนกรณีที่หน่วยงานท้องถิ่นของไทยออกมาเตือนประชาชนให้ระวัง ภัคพลแจงว่า จริง ๆ แล้วทางหน่วยงานมีความหวังดีแต่อาจจะยังมีข้อมูลในเรื่องนี้ไม่ตรงกัน และเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องที่ใหม่ที่ต้องใช้เวลาทำความรู้จัก

ภัคพลเน้นว่า World เป็นโครงการโดยใช้เทคโนโลยีระดับโลก จากบริษัท Tools for Humanity (TFH) ก่อตั้งโดย Alex Blania และ Sam Altman ผู้สร้าง ChatGPT เป้าหมายสำคัญคือการต่อสู้กับมิจฉาชีพที่นำ AI ไปใช้ในทางที่ผิด ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 33 ล้านคน รวมถึงในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย และอื่น ๆ 

ทั้งนี้ World Thailand ดำเนินงานภายใต้กรอบกฎหมายของประเทศไทยอย่างเคร่งครัด ภัคพลชี้แจง โดยที่ผ่านมามีการหารืออย่างต่อเนื่องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) เพื่อให้การปฏิบัติงานโปร่งใสและถูกต้องตามข้อบังคับ

ปัจจุบัน World Thailand มีความร่วมมือกับ 4 แพลตฟอร์มในไทย ได้แก่ Pantip, Eventpop, Whoscall และ Ragnarok Landverse เพื่อช่วยแยกแยะผู้ใช้ที่เป็นคนจริง ๆ และบอต เช่นกรณีของ Eventpop ก็ใช้เพื่อคัดกรองบอตเข้ามากดบัตรเข้าร่วมงาน หรือกรณีของ Whoscall ก็เพื่อดักจับสายมิจฉาชีพที่เป็น AI

อ้างอิง: งานแถลงข่าวของ World Thailand

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
บาส รชต สนิท - นักข่าว นักเขียน ที่ Brand Inside | สนใจด้าน Future of Work, สิทธิคนทำงาน, สิ่งแวดล้อม, การเมืองโลก, ปัญหาทุนนิยม และ สิทธิมนุษยชน