เปิดอันดับโลก ความสามารถแข่งขันด้านดิจิทัล ‘ไทย’ อยู่ตรงไหนในเวทีนี้

IMD ได้ปล่อยผลจัดอันดับ World Digital Competitiveness Ranking 2025 หรือความสามารถของแต่ละประเทศในการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม องค์ความรู้ ตลอดจนการเตรียมความพร้อมเพื่ออนาคต ซึ่งเป็นภาพรวมสำคัญของการอยู่รอดในโลกยุค AI

ผลปรากฏว่า สวิตเซอร์แลนด์ อเมริกา และสิงคโปร์ ยังคงยึดตำแหน่งผู้เล่นแถวหน้าเช่นเดียวกับในปีก่อน ขณะที่ไทยขยับลงมาอยู่อันดับ 38 จาก 69 เขตเศรษฐกิจ แม้จะเป็นการร่วงลงมาเพียงหนึ่งอันดับ แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าหลายประเทศรอบตัวกำลังเร่งเครื่องเร็วกว่าที่เคย

ที่น่าจับตาคือ UAE หรือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ทะยานขึ้นมา Top 10 เป็นครั้งแรก จากการวางกลยุทธ์ที่เน้นการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ที่มีความโดดเด่นด้านการเตรียมความพร้อมสู่อนาคตและเทคโนโลยีที่จริงจัง

ส่วนในภูมิภาคอาเซียน แม้ปีนี้ สิงคโปร์ จะหล่นจากอันดับ 1 มาอันดับ 3 แต่ยังครองตำแหน่งผู้นำของภูมิภาค จากสภาพแวดล้อมด้านดิจิทัลที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ การให้สิทธิบัตรเทคโนโลยีขั้นสูงต่อหัว และประสิทธิภาพของการให้บริการในภาคการเงิน

แล้วไทยอยู่ตรงไหน?

สำหรับในปีนี้ ภาพรวมของไทยอยู่ที่ อันดับ 38 ขยับลงมาจากอันดับ 37 ในปีก่อนหน้า และเคยไปถึงอันดับ 35 ในปี 2566 แม้ปีนี้จะยังเรียกได้ว่ากลางๆ แต่การลดลงนี้กำลังบอกอะไรบางอย่าง 

IMD ได้ใช้ปัจจัย 3 ข้อใหญ่ๆ ในการพิจารณาแต่ละเขตเศรษฐกิจ ได้แก่ ความรู้ เทคโนโลยี และความพร้อมในอนาคต ซึ่งเมื่อเจาะแต่ละหัวข้อยังพบว่าไทยยังมีอยู่หลายปัจจัยทีเดียวที่ได้อันดับลดลงอย่างเห็นได้ชัด 

ในด้านความรู้ ไทยยังมีจุดอ่อนใหญ่อยู่ 2 เรื่อง ได้แก่ จำนวนบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคนิคอยู่ที่อันดับ 57 จาก 69 ประเทศ และบทความเกี่ยวกับ AI ในอันดับ 53 ซึ่งบ่งบอกถึงการให้ความรู้ความเข้าใจ และการวิเคราะห์ด้าน AI ที่เรียกได้ว่ายังอยู่ในกลุ่มท้ายของตาราง 

สำหรับด้านเทคโนโลยี เป็นด้านที่ไทยทำได้ดีที่สุด โดยคะแนนรวมอยู่ที่อันดับ 29 แต่ถึงอย่างนั้นก็ลดลงจากปีก่อนถึง 6 อันดับ เพราะปัจจัยย่อยอย่าง การลงทุนของภาคเอกชนในด้าน AI ที่ยังไม่แข็งแรงเท่าประเทศอื่นๆ แต่ขณะเดียวกัน การลงทุนในด้านโทรคมนาคมของไทยยังถือว่าทำได้ดี ด้วยอันดับ 8 จากประเทศทั้งหมด


และด้านสุดท้ายที่ไทยยังอ่อนที่สุดคือ ความพร้อมในอนาคต ซึ่งอยู่ในอันดับ 45 โดยมีหลายตัวชี้วัดที่ยังอยู่ในกลุ่มรั้งท้าย เช่น การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ความสามารถด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของรัฐบาล การมีกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัว และการครอบครองแท็บเล็ต 

ทั้งนี้ สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย หรือ ทีเอ็มเอ (TMA) ได้ทิ้งท้ายไว้ถึงสาเหตุที่ปัจจัยด้านเทคโนโลยีของไทยลดลงไว้ว่า การที่อันดับลดนั้น ไม่ได้หมายความว่าไทยถดถอย แต่เป็นเพราะประเทศอื่นๆ ได้เร่งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้งานได้รวดเร็วกว่า 

อีกทั้งยังมีการเติบโตที่ไม่เพียงพอในหลายด้าน อาทิ การขาดแคลนนวัตกรรมใหม่ๆ ความล่าช้าในการนำเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI มาใช้ หรือแม้กระทั่งการลงทุนด้าน R&D ที่ยังต่ำอยู่ นอกจากนี้ไทยยังมีช่องว่างทางทักษะของบุคลากร การขาดแคลนแรงงาน และระบบการศึกษาที่ยังไม่ตรงกับความต้องการของตลาดยุคใหม่

ทั้งหมดนี้สะท้อนชัดว่าไทยจำเป็นต้องก้าวจากการเป็นผู้ใช้งาน ไปสู่ผู้สร้างนวัตกรรมให้ได้อย่างจริงจัง โดยปัจจัยสำคัญคือภาครัฐ ที่จะต้องหันมาเน้นการกำกับดูแลในส่วนนี้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เราถูกทิ้งห่างจากเวทีโลกไปมากกว่านี้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา