ในอดีตหลายคนจะนึกถึง เชลชวนชิม หรือ เปิบพิสดาร แต่ถ้าคนรุ่นใหม่จะคุ้นเคยกับ Wongnai (วงใน) มากกว่า ว่าเป็นแอปพลิเคชั่นบริการแนะนำและรีวิวร้านอาหาร ถ้าจะกินข้าวนอกบ้าน ร้านไหนดี ร้านไหนอร่อย และอยู่ที่ไหนของประเทศไทย
แต่การจะมุ่งอยู่กับการรีวิวและแนะนำอย่างเดียว คงไม่สามารถสร้างการเติบโตของรายได้เกิน 100% หลายปีติดต่อกัน และยังตั้งเป้ารักษาการเติบโตนี้ไว้ด้วย
สร้างสรรค์บริการใหม่ เพื่อรักษาการเติบโตธุรกิจ
ยอด ชินสุภัคกุล กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง Wongnai บอกว่า การเป็นแอปรีวิวและแนะนำร้านอาหาร สร้างแบรนด์ Wongnai สร้างการรับรู้และความแข็งแกร่ง จนกลายเป็นการเติบโตของจำนวนผู้ใช้และรายได้มาตลอด แต่ถ้าไม่สร้างสรรค์บริการใหม่ๆ ก็จะรักษาการเติบโตนี้ไว้ไม่ได้
ดังนั้นปีที่ผ่านมาจึงเกิดบริการใหม่ขึ้น เช่น Wongnai LINE Delivery โดยร่วมมือกับ LINE เพื่อส่งอาหารถึงบ้าน ขยายจากกลุ่มคนที่ออกมากินข้าวนอกบ้าน เป็นคนที่ไม่อยากออกบ้านแต่สั่งอาหารได้ และล่าสุดได้เปิดตัว Wongnai Cooking บริการสูตรการทำอาหาร (recipes) ที่ต่อไปจะเปิดรับสูตรจากผู้ใช้อื่นๆ ด้วย ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนที่อยากทำอาหารที่บ้าน เชื่อว่าจะเป็นธุรกิจเด่นในปีนี้
อีกบริการคือ Wongnai Beauty รีวิวร้านเสริมสวยและเครื่องสำอางค์ต่างๆ จับตลาดกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิง ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก และเป็นธุรกิจที่ทำให้ Wongnai เติบโตได้ถึง 2 เท่าในปีที่ผ่านมา
“การขยายธุรกิจรีวิวและแนะนำร้านอาหารยังต้องทำเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในฐานะ Local Content และต้องทำทั่วประเทศ โดยปัจจุบันมี Wongnai 6 สาขา เชียงใหม่, ขอนแก่น, นครราชสีมา, ชลบุรี, หาดใหญ่ และภูเก็ต และมีแผนเปิดอีก 3 สาขาในปีนี้ เพื่อสร้างคอนเทนต์โดยเฉพาะ”
WONGNAI CONNECT ผสาน 3 พันธมิตร สร้างการเติบโต
เป้าหมายของ Wongnai คือจะก้าวจากบริการรีวิวและแนะนำร้านอาหาร เริ่มแนะนำสูตรการทำอาหาร แนะนำความสวยความงาม ยังมีเรื่องให้แนะนำอีกเยอะ เช่น การเที่ยว, งานบ้าน, ดูหนังฟังเพลง เรียกว่า Wongnai จะกลายเป็น Lifestyle Platform ในอนาคต และส่วนสำคัญคือ พันธมิตร ที่จะช่วยให้เกิดขึ้น
พันธมิตรรายแรกคือ LINE ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในบริการ Wongnai LINE Delivery และมีบริการ Wongnai Chat Bot ช่วยให้การสั่งอาหารง่าย เพราะ Chat อัตโนมัติผ่าน Chat Bot ได้ทันที ปัจจุบันมียอด follower ของ @wongnai กว่า 4 ล้านราย
อริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย บอกว่า Wongnai LINE Delivery กลายเป็นบริการ food delivery ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ไม่จำกัดร้าน สร้างบริการ online to offline หรือ O2O ให้เกิดขึ้นจริง ปัจจุบันยังรองรับบริการในเขตกรุงเทพเป็นหลัก แต่ภายในปีหน้าจะขยายไปทั่วประเทศ
พันธมิตรรายต่อมา คือ ANT Financial ผู้ให้บริการ Alipay ระบบชำระเงินของจีน ที่มีผู้ใช้ชาวจีนกว่า 450 ล้านราย เพราะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 8.8 ล้านคนในปีที่ผ่านมา และแทบทุกคนใช้ Alipay ในการจ่ายเงิน การผสานระหว่าง Wongnai และ Alipay ทำให้ นักท่องเที่ยวจีนมาใช้บริการอาหารไทยได้ง่ายขึ้น
รวมถึงพันธมิตรรายที่ 3 คือ TrueMoney ผู้ให้บริการ e-Payment ในไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Alipay อยู่แล้ว เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถใช้จ่ายผ่าน Alipay wallet กับร้านอาหารทั่วไทย
สรุป
ชื่อ Wongnai เกิดขึ้นโดยความตั้งใจให้เป็นเหมือนคน “วงใน” ที่รู้และพร้อมแนะนำ โดยเริ่มจากร้านอาหาร เพราะเรื่อง “กิน” เป็นเรื่องใหญ่ของทุกคน และจะเริ่มขยายไปเรื่องอื่นๆ ดังนั้นแม้ภาพแรกของวงใน คือบริการรีวิวและแนะนำร้านอาหาร แต่ในอนาคต Wongnai จะเป็นบริการที่ทุกคนนึกถึง และยังมีธุรกิจที่แข็งแกร่งด้าน Local Content การันตี โดยการได้รับความร่วมมือทางธุรกิจจาก LINE, Alipay และ TrueMoney
ปัจจุบัน Wongnai มียอดผู้ใช้งาน 2.5 ล้านราย ใช้งานประจำ 7.5 แสนราย มีร้านอาหารในลิสต์กว่า 1.2 แสนแห่ง มียอด follower ผ่าน @wongnai ใน LINE กว่า 4 ล้านราย เป้าหมายในปีนี้คือ ทำให้จำนวนต่างๆ เพิ่มขึ้นเท่าตัว รวมถึงผลักดันบริการอื่นๆ ให้เป็นที่นิยมมากขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา