ภัยธรรมชาติ คืออีกตัวแปรในภาคการเกษตรของแต่ละประเทศว่าจะเติบโต หรือหดตัว และเรื่องนี้เองก็ส่งผลถึงอุตสาหกรรมไวน์ ที่ใช้องุ่นเป็นวัตถุดิบหลัก เพราะหลายประเทศโดนภัยธรรมชาติโจมตี จนเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้
กำลังผลิตลดลงหนักที่สุดในรอบ 50 ปี
สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และภัยธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน 3 ประเทศที่ผลิตไวน์เป็น Top 3 ของโลก หรือฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน ทำให้ตลาดไวน์ปั่นป่วนพอสมควร เพราะเมื่อกำลังผลิตไม่พอ แต่ความต้องการยังคงมีอยุ่ สินค้าก็จะราคาสูงขึ้นตามหลักอุปสงค์อุปทานอัตโนมัติ
โดย International Organisation of Vine and Wine (OIV) คาดการณ์ว่า กำลังผลิตไวน์ทั่วโลกนั้นลดลงต่ำที่สุดในรอบ 50 ปี โดยปี 2560 น่าจะมีกำลังผลิตที่ 247 ล้านเฮกโตลิตร (100 ลิตร=1 เฮกโตลิตร) น้อยกว่าปี 2559 ราว 8% และอิตาลีเป็นประเทศที่มีปัญหามากที่สุด
เพราะแดนมักกะโรนีผลิตได้น้อยลงถึง 23% เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็น 39.3 ล้านเฮกโตลิตร ส่วนฝรั่งเศสนั้นลดลง 19% เหลือ 39.7 ล้านเฮกโตลิตร โดยเป็นปีที่เก็บผลผลิตได้น้อยที่สุดตั้งแต่ปี 2488 และทางสเปนก็ลดลง 15% เหลือ 33.5 ล้านเฮกโตลิตร ซึ่งจากปัญหาเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้ก็กระทบถึงชาวไร่จนเกิดการเรียกร้องให้ทางการเข้ามาช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ
ในทางกลับกันการผลิตไวน์นอกยุโรปนั้นกลับมากขึ้นรื่อยๆ เช่นในออสเตรเลียก็เพิ่ม 6% ขึ้นมาเป็น 13.9 ล้านเฮกโตลิตร และทางอเจนติน่า ก็เพิ่มขึ้นเป็น 11.8 ล้านเฮกโตลิตรเช่นกัน ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่เจอภัยธรรมชาติใน California จนการผลิตลดลง 1% แม้เป็นประเทศที่บริโภคไวน์มากที่สุดในโลกก็ตาม
อ้างอิง // BBC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา