นักวิเคราะห์ของ Citigroup ประเมินไว้ว่า มีโอกาสสูงถึง 40% ที่ Apple จะเข้าซื้อกิจการ Netflix เพื่อให้แบรนด์มีบทบาทมากขึ้นในแพลตฟอร์มวิดีโอ สตรีมมิ่ง และต้องการลุยธุรกิจคอนเทนต์มากขึ้น
หลังจากที่ช่วงหลังมานี้ Apple มีข่าวในการเข้าซื้อกิจการบริษัทยักษ์ใหญ่หลายรายเพื่อต่อยอดธุรกิจ เริ่มจาก Beats Audio และ Shazam แอพพลิเคชั่นหาชื่อเพลง ล่าสุดมีข่าวแว่วจากนักวิเคราะห์ Citigroup ว่า Apple มีแนวโน้มที่จะเข้าซื้อกิจการ Netflix สูงถึง 40% เพื่อต่อยอดธุรกิจคอนเทนต์ของตนเอง
ดีลนี้มีความเป็นได้หลังจากนโยบายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นั่นคืออาจจะทำให้ Apple ใช้เงินมากถึงแสนล้านดอลลาร์สหรัฐในการเข้าซื้อกิจการ Netflix ในครั้งนี้
ทั้งนี้ Jim Suva และ Asiya Merchant นักวิเคราะห์ Citigroup ได้ตั้งข้อสังเกตว่า Apple มีบทบาทมากขึ้นในพื้นที่ของโฆษณาในวิดีโอสตรีมมิ่ง และมีการว่าจ้างผู้บริหารสถานีโทรทัศน์เก่าในการจัดเรียงโปรแกรม
“ในอดีต Apple ได้หลีกเลี่ยงการส่งคืนเงินไปยังสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสูง ด้วยเหตุนี้การปฏิรูปภาษีอาจทำให้ Apple สามารถใช้เงินถึง 220,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการซื้อกิจการใหม่ หรือการซื้อกิจการคืน”
แน่นอนว่า Netflix เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งที่มาแรงมากในยุคนี้ หลายธุรกิจต่างได้รับผลกระทบเพราะ Netflix สามารถดึงความสนใจจากคนรุ่นใหม่ หรือวัยรุ่นไปได้ นอกจากมูลค่าของตัวบริษัทที่สูงขึ้น ยังมีค่าสมาชิกที่ได้รับในแต่ละเดือนอีกด้วย มีการประเมินว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่ง Apple เองมีความพยายามในการสร้างแพลตฟอร์มธุรกิจวิดีโอ และคอนเทนต์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว จึงมีการเทงบอย่างมหาศาลเพื่อที่จะได้มาครอบครอง
สรุป
- นอกจากเรื่องของภาษีแล้ว การกว้านซื้อกิจการของ Apple ในช่วงหลายปีมานี้ เห็นได้ชัดว่า Apple ต้องการสร้าง Ecosystem ของตนเองให้แข็งแกร่งขึ้น เป็นการต่อยอดธุรกิจในหลายๆ ด้านทั้งดีไวซ์ เพลง วิดีโอ และคงได้เห็นการช้อปปิ้งของ Apple ต่อไปอีกแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา