“การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ” เป็นหนึ่งในคำพูดติดหูที่เรามักจะได้ยินผู้ใหญ่หลายๆคนสอนเรามาตั้งแต่เด็กๆ แต่พอโตขึ้นมาจนถึงวัยทำงาน ผ่านชีวิตมาสักระยะหนึ่งแล้วเรากลับพบว่า จริงๆคนที่ร่ำรวย มีความมั่งคั่งส่วนมากล้วน มีหนี้สินอยู่บ้างแทบทั้งนั้นเลยครับ
ถ้าเอาภาพที่เห็นชัดที่สุดคือเรื่องการ “ซื้อบ้าน” ส่วนตัวจากการได้พูดคุยรวมถึงจากเคสตัวเองกับพบว่า คนส่วนมากถึงแม้จะมีเงินสดเงินก้อนเขาก็ยังใช้วิธีการขอสินเชื่อธนาคารในการซื้อบ้าน แทนที่จะใช้เงินสดซื้อให้จบทีเดียวไปเลย ในบทความนี้ผมจะเล่าให้ทุกคนฟังกันครับว่ามันเป็นเพราะอะไร
1.หนี้ที่ต้นทุนต่ำ
เรื่องแรกคือการกู้ซื้อบ้านเป็นการสร้างหนี้ที่ต้นทุนต่ำครับ นั่นคือสินเชื่อบ้าน (Home Loan) นับว่าเป็นสินเชื่อในระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำแทบจะที่สุดแล้วถ้าเราไปเทียบกับสินเชื่อประเภทอื่นๆ โดยค่าเฉลี่ยของดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญาจะอยู่ที่ประมาณ 7% ต่อปี
และนอกเหนือจากนั้นสินเชื่อบ้านโดยปกติแล้วสมารถผ่อนชำระได้นาน 30-40 ปี จึงทำให้การกู้ซื้อบ้านสำหรับคนที่มีความพร้อมด้านการเงินอยู่แล้ว ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องสภาพคล่อง(Liquidity) เพราะยอดผ่อนต่อเดือนจะไม่ได้สูงมากอยู่แล้วครับ
2.Opportunity Cost
เรื่องที่สองเป็นเรื่องต่อเนื่องจากข้อ 1 ครับ เนื่องจากหนี้บ้านเป็นสินเชื่อที่ต้นทุนทางการเงินต่ำ ดังนั้นหมายความว่าถ้าเราสามารถนำเงินสดที่มีไปลงทุน ทำธุรกิจอย่างอื่น แทนที่จะเอาไปซื้อบ้าน เราก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนกลับที่มากกว่ากลับมาก็ได้ครับ
ยกตัวอย่างให้ทุกคนเห็นภาพ สมมุติผมมีเงินสดอยู่ 10 ล้านนะครับ และผมต้องการซื้อบ้านราคาประมาณ 5 ล้านบาท โดยวันนี้ผมมีธุรกิจที่ผมทำอยู่ซึ่งถ้าผมนำเงิน 5 ล้านมาลงทุนในธุรกิจมันจะสามารถสร้างผลตอบแทนกลับมาให้ผมได้ 20%
คำถามคือผมควรจะเลือกแบบไหนไหนดีระหว่าง
- เอาเงินสด 5 ล้านไปซื้อเลย และเหลือเงินสดติดตัว 5 ล้านมาจ่าย
- กู้ธนาคาร และเอาเงิน 5 ล้านที่ควรต้องจ่ายค่าบ้านไปลงทุนธุรกิจที่ให้ผลตอบแทน 20 % ต่อปี
ก่อนจะไปดูคำตอบ เรามาลองคิดคำนวณต้นทุนในการกู้กันครับกับกรณีกู้ธนาคาร 5 ล้าน นำเงินสดไปลงทุนธุรกิจ 5 ล้าน
- กู้ซื้อบ้าน 5 ล้าน ผ่อน 30 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยทั้งสัญญาอยู่ที่ 7%
- จะต้องผ่อนชำระธนาคารเดือนละ 35,000 บาท/เดือน (รายจ่ายต่อเดือน)
- นำเงิน 5 ล้านที่เป็นเงินสดไปลงทุนธุรกิจ
- ได้ผลตอบแทน 20% (สมมุติใช้เวลา 1 ปีในการคืนทุนทั้งหมด)
- นั่นหมายความว่าเงิน 5 ล้านจะทำผลตอบแทนได้ 1 ล้านบาทในปีนั้น
- หารเฉลี่ยคือได้กำไร 83,333 บาท/เดือน
- โดยถ้าคิดสมการง่ายๆคือ เอากำไรที่ได้จากธุรกิจมาแบ่งจ่ายเงินผ่อนในการกู้ซื้อบ้าน เราจะยังคงเหลือ Cash Flow อยู่เดือนละ + 48,000 บาท/เดือน อยู่เลย
นี่เป็นเหตุผลง่ายๆครับว่าทำไม คนที่มีเงินสดอยู่แล้วส่วนมากเขาถึงยังใช้วิธีการกู้ซื้อบ้านกันอยู่ เพราะคนที่เข้าใจหลักการทำงานของเงินเขาสามารถนำเงินหรือทรัพย์ยากรณ์ที่เขามีไปสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมตามความรู้ความสามารถของเขาได้ อย่างเช่นตัวอย่างที่ผมเอามาให้ดูเห็นไหมครับว่าแทนที่จะต้องเสียเงินก้อนของเราไปทั้งหมดกับการซื้อบ้าน เราสามารถใช้วิธีนี้ในการต่อยอดธุรกิจ และ ได้บ้านแถมยังเหลือเงินส่วนต่างอีกด้วย!!
แต่คุยมาถึงช่วงท้ายนี้ผมอยากบอกว่า การซื้อบ้านด้วยเงินสด ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลยนะครับ เพราะความจริงก็คือคนเรามีความรู้มีทักษะ มีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้แตกต่างกันครับ จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสามารถในการทำให้เงินเติบโตหลัก 10-20%
ดังนั้นถ้าเรารู้สึกว่าสบายใจกับการใช้เงินสดซื้อบ้าน แบบเคลียร์จบไปเลยไม่ต้องมีภาระผูกพัน ผมว่าก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรเลยครับ สุดท้ายเลือกตัดสินใจในแบบที่เรารู้สึกพอใจ อุ่นใจสบายใจ แบบนี้ถึงจะดีที่สุดนะครับ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา