เจาะลึกเหตุผล ทำไม SCB 10X บริษัทโฮลดิ้งคอมพานีในกลุ่มไทยพาณิชย์ถึงกลายเป็น Corporate Venture Capital อันดับ 2 ที่ลงทุนในสตาร์ทอัพด้าน Fintech
SCB 10X บริษัทโฮลดิ้งคอมพานีในกลุ่มไทยพาณิชย์ที่เน้นการลงทุนในเทคคอมพานีและสตาร์ทอัพศักยภาพสูงทั่วโลก ขึ้นแท่นหนึ่งใน Corporate Venture Capital (CVC) ระดับโลก ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับ 2 ของ CVC ทั่วโลกที่ลงทุนในสตาร์ทอัพด้าน Fintech และ อันดับ 8 ในภาพรวม จากการจัดอันดับโดย CB Insights ในรายงานประจำปี CB Insight State of Fintech Global 2021
การที่ SCB 10X ถูกจัดอยู่ในอันดับ 2 ของ CVC ที่ลงทุนด้าน Fintech ถือเป็นการย้ำชัดถึงศักยภาพของบริษัทในระดับสากล เพราะ SCB 10X ถูกจัดอยู่ในลำดับ 2 ร่วมกับ PayPal Ventures และยังอยู่ในลำดับเหนือกว่า CapitalG บริษัท Private Equity ภายใต้ Alphabet Inc. ที่เป็นบริษัทแม่ของ Google เสียอีก
ภารกิจ Moonshot ของ SCB 10X คือการออกสำรวจความเป็นไปได้ใหม่ๆ เพื่อสร้างความเติบโตแบบก้าวกระโดดให้กับกลุ่ม โดยยืนอยู่บน 2 ยุทธศาสตร์ คือ Build หรือ Venture Builder และ Invest หรือ Venture Capital โดยเน้นไปยังธุรกิจในด้านบล็อกเชน สินทรัพย์ดิจิทัล เมตาเวิร์ส และ Web 3.0 ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูง
ที่ผ่านมา SCB 10X มีการลงทุนในเทคคอมพานีและสตาร์ทอัพ 48 บริษัทใน 15 ประเทศทั่วโลก มีการลงทุนในสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น 10 บริษัท เซนทอร์ (มูลค่าบริษัทมากกว่าร้อยล้านเหรียญ) 11 บริษัท และลิตเติ้ลโพนี (มูลค่ามากกว่าสิบล้านเหรียญ) 5 บริษัท โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นนักลงทุนชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน เป็นผู้ผลิตยูนิคอร์นของไทย และเป็นนายจ้างที่คนคนเก่งสายดิจิทัลอยากทำงานด้วย
Brand Inside จะพาไปดูกันว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนให้ SCB 10X กลายเป็นนักลงทุนชั้นนำด้าน Fintech ในระดับสากลเทียบชั้นบริษัทระดับโลก และยังมีการลงทุนในยูนิคอร์นถึง 10 ตัว
รู้ลึก เชี่ยวชาญจริง กุญแจของ SCB 10X
คุณมุขยา พานิช Chief Venture and Investment Officer บริษัท SCB 10X ชี้ว่าจุดแข็งของบริษัทอยู่ที่ค่านิยมขององค์กรซึ่งมีทั้งหมด 6 ด้าน คือ
Tech & Fintech Expert เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่มีความเข้าใจลึกซึ้งในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและเทคโนโลยีการเงิน ทำให้ได้รับความยอมรับให้เป็น CVC ระดับโลก
Institutional Investment Framework มีกรอบการวิเคราะห์บริษัทที่จะเข้าไปลงทุนที่แข็งแกร่ง ทั้งการวิเคราะห์พื้นฐานบริษัท การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ การวิเคราะห์ competitive landscape การวิเคราะห์โมเดลธุรกิจ และการแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิดกับ Founder ของบริษัทนั้นๆ
In-House Tech Capability มีความได้เปรียบเรื่องความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเนื่องจากมีนักพัฒนาจำนวนมากในทีม Venture Builder ไปจนถึงมีผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนในองค์กรทำให้สามารถเข้ามาช่วยวิเคราะห์บริษัทต่างๆ ที่จะเข้าไปลงทุนด้วยแง่มุมเชิงเทคนิคได้
Commercial Business Opportunities มอบโอกาสทางธุรกิจให้กับเทคคอมพานีหรือสตาร์ทอัพที่ลงทุนด้วยการเข้ามาเป็น Vendor หรือ Supplier ของบริษัทในกลุ่มไทยพาณิชย์ที่มีอยู่จำนวนมาก
Crypto Activity Engagement ด้วยศักยภาพทางเทคโนโลยีที่ SCB 10X มีเป็นของตัวเอง ทำให้สามารถเป็น Node Validator ร่วมถึงการช่วยพัฒนา DApps
Deep Rooted Connections มีคอนเนคชั่นที่แข็งแกร่งและกว้างขวางกับ VC และผู้ประกอบการชั้นนำทั่วโลก รวมทั้งยังมีความน่าเชื่อถือสูงทำให้บริษัทที่เข้าไปลงทุนมีโอกาสในการสร้างเครือข่ายผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น Hackaton ไปจนถึง Incubation Project ต่างๆ
เป้าหมายการลงทุนของ SCB 10X ในปี 2022
คุณมุขยาชี้ว่า ความท้าทายในปีนี้ คือ มูลค่า (Valuation) ของสตาร์ทอัพ เพราะในปีที่ผ่านมาสตาร์ทอัพในสายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นได้รับความนิยมมหาศาล มี Venture Capital (VC) จำนวนมากเข้ามาลงทุนในสตาร์ทอัพเหล่านี้มากมายไม่เว้นแม้แต่ VC ที่เน้นการลงทุนแบบดั้งเดิม ทำให้มูลค่าของสตาร์ทอัพในปีนี้สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
เมื่อมูลค่าสูงเกินไป สิ่งที่ SCB 10X ทำคือการมีวินัย (Discipline) เพื่ออดทนรอจังหวะในการลงทุนมากขึ้น ร่วมถึงมีการลงทุนในสตาร์ทอัพตั้งแต่ในระดับ Early Stage และ Seed Round ซึ่งยังมีราคาไม่สูงมากนัก
นอกจากนี้ SCB 10X ยังมีแผนที่จะเตรียมการจัดตั้งกองทุน Venture Capital ร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ขนาด 600 – 800 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 19,800-26,400 ล้านบาท) และยังอยู่ในช่วง scale บริษัทที่มีการลงทุนไป ทำให้ต้องรับสมัคร Talent สายเทคโนโลยีเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก
สรุป
การที่ SCB 10X ติดอันดับ CVC ด้าน FinTech ชั้นนำของโลก มาจากการผสานประสบการณ์ในโลกการเงินทั้งในแง่การลงทุนและคอนเนคชั่นที่กว้างขวางไปกับประสบการณ์ในโลกเทคโนโลยีจากพัฒนาขีดความสามารถทางเทคนิคของตนเองจนตอบโจทย์ในการพัฒนาเทคคอมพานีและสตาร์ทอัพทั้งในด้านบล็อกเชน สินทรัพย์ดิจิทัล เมตาเวิร์ส และ Web 3.0 ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา