[บทความโดย มาโนช พฤฒิสถาพร – บทความเป็นความคิดเห็น
เป็นความหงุดหงิดปนความไม่เข้าใจของคนเมืองกรุงและหน่วยงานรัฐที่ BTS ยังไม่เข้าร่วมและยังไม่มีแนวโน้มจะเข้าร่วมบัตรแมงมุม ระบบบัตรที่จะทำให้คนกรุงเทพสามารถโดยสารระบบขนส่งทุกอย่างได้โดยบัตรเดียว สะดวกสบายเหมือนเมืองชั้นนำ
เหตุผลที่คนพูดกันเยอะคือทำแล้ว BTS ได้เงินจากผู้โดยสารต่อหัวน้อยลง เพราะเมื่อใช้บัตรเดียวแล้ว ราคารวมที่ผู้โดยสารต้องจ่ายจะถูกลง
อีกเหตุผลที่น่าจะสำคัญกว่าคือ ถ้าไปรวมกับคนอื่น ความฝันที่จะปั้น Rabbit LINE Pay ให้เป็น wallet และ payment solution ที่คนใช้มากสุดก็จะไม่เกิด
![](https://brandinside.asia/wp-content/uploads/2018/04/shutterstock_364839929-r67.jpg)
เราเห็น BTS มุ่งมั่นเพิ่มจำนวนร้านค้าที่รับบัตร Rabbit โหมทำโปรโมชั่นเพื่อจูงใจให้คนใช้ และไปรวมกับ mpay wallet และ payment ของ AIS เพื่อให้เป็นผู้นำให้ได้ ขณะเดียวกันก็ยกเลิกการเติมเงินใส่บัตร Rabbit ด้วยบัตรเครดิต สำหรับการเติมเงินทั่วไป เพื่อไม่ให้ BTS แบกรับค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต เวลาผู้ใช้เติมเงินด้วยบัตรเครดิตแล้วไปซื้อสินค้ากับร้านค้าพันธมิตร ซึ่ง BTS เก็บค่าธรรมเนียมจากร้านค้าในอัตราที่ตำ่มาก
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้บัตร Rabbit เป็นตัวเลือกแรกของทั้งร้านค้าและผู้ใช้
ถ้า BTS ยอมให้บัตรแมงมุมจ่ายค่า BTS ได้ ก็จะทำให้คนใช้บัตร Rabbit น้อยลงอย่างมาก
E-wallet และ payment นั้นเป็นสมรภูมิทางธุรกิจที่ดุเดือดที่สุดในยุคนี้ ยักษ์ใหญ่หลายวงการให้ความสำคัญมาก ทั้งธนาคาร, กลุ่ม True, SEA หรือ Garena ที่มี Airpay, Central ที่มี Cenpay, และ BTS
นั่นเป็นเพราะโอกาสการทำเงินมหาศาลถ้าเป็นผู้ชนะในเกมนี้ ทั้งรายได้จากค่าธรรมเนียมที่เก็บจากร้านค้า ที่ตอนนี้อาจยังไม่เก็บ รายได้จากการเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาเป็นแหล่งรวมโปรโมชั่นจากร้านค้า และข้อมูลการใช้งานว่าลูกค้าคนนี้มีพฤติกรรมการใช้เงินอย่างไร ซึ่งเอาไปต่อยอดได้มหาศาล ไม่ว่าจะเป็นเอาไปทำปล่อยกู้ เอาไปเป็นข้อมูลวิเคราะห์การตลาดและผู้บริโภคขายให้ร้านค้า
ถ้า BTS คิดเช่นนี้จริง ต่อให้ภาครัฐกดดันขนาดไหนก็คงยากที่จะทำให้ BTS เป็นส่วนหนึ่งของบัตรแมงมุม เพราะ BTS ไม่ได้อะไร มีแต่เสีย
BTS เป็นธุรกิจผูกขาดและเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีหน้าที่ทำกำไรสูงสุด ต่อให้ BTS ทำแย่แค่ไหน คนกรุงเทพอย่างพวกเราก็ไม่มีทางเลือก ต้องทนใช้อยู่ดี ด้วยเหตุนี้ BTS จึงไม่มีแรงจูงใจในการพัฒนาให้ผู้ใช้แฮปปี้ขึ้น BTS เปิดมาจะ 20 ปีแล้ว แต่วิธีซื้อบัตรก็แทบไม่ต่างจากวันแรก ต้องต่อแถวสองครั้ง เป็นการเสียเวลามาก ลิฟต์สำหรับคนพิการก็ยังสร้างไม่ครบ เรียกได้ว่าจำนวนคนตำหนิบนโซเชียลมีเดียเรื่องรถเสียเรื่องแลกเหรียญนั้นสวนทางกับจำนวนผู้โดยสาร รายได้ และกำไรของ BTS ที่เพิ่มเรื่อยๆทุกปี
เรื่องนี้คงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนของรัฐบาลเวลาทำงานกับบริษัทเอกชนที่จะต้องมองระยะยาวคิดให้ครบถ้วนมากที่สุดว่า รัฐต้องการให้เอกชนทำอะไรบ้าง ก่อนเปิดประมูล
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา