ถ้าแม่เลี้ยงหนูมาจนโตแล้ว แม่เลี้ยงหนูจนตายด้วยเลยไม่ได้หรอ 😔
‘Elise Monsanto’ หญิงสาววัย 22 ปี กำลังใช้ชีวิตแบบไม่รีบ โดยเธอเพิ่งไปทำใบขับขี่มาในวัย 20 ปี และจนถึงทุกวันนี้ เธอพร้อมแก๊งเพื่อนสาวก็ยังไม่มีใครเคยมีแฟนคนแรกเลย
ไม่ใช่แค่นั้น ในวัย 22 ปี Monsanto ไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์แม้แต่แก้วเดียว แต่ก็คิดนะว่า สักวันคงดื่มแหละ ซึ่งเธอให้เหตุผลว่า จริงๆ มันเป็นความลังเล เหมือนกับกลัวที่จะเริ่มทำอะไรบางอย่าง ทั้งการดื่มเหล้าและการขับรถ
เชื่อหรือไม่ Monsanto ไม่ใช่คนเดียวที่ไม่อยากรีบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ Gen Z หลายๆ คนเลยต่างหากที่มีความคิดแบบเดียวกัน
“มันไม่เห็นต้องรีบเลยหนิ ถึงฉันจะเห็นคนเรียนจบกันมากมาย แต่ก็รู้สึกว่า เราไม่จำเป็นต้องรีบหางานทำ หรือหาที่อยู่เป็นของตัวเอง คนอื่นๆ ก็โอเคกับการค่อยๆ คิดหาลู่ทางของตนไปเรื่อยๆ นะ” Monsanto กล่าว
ช่วงหลังๆ มานี้ มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า Gen Z ไม่ค่อยทำตัวเหมือนคนรุ่นอื่นๆ เช่น ไม่ดื่มเหล้า ไม่ทำงาน หรือไม่ยอมรับความเสี่ยง
แต่ความจริงแล้ว มันซับซ้อนกว่านั้น เพราะ Gen Z ไม่ได้พยายามเลี่ยงการทำกิจกรรมแบบที่คนโตๆ เขาทำกัน เพียงแค่ขอชะลอเวลาออกไปเสียมากกว่า
ต้องเข้าใจก่อนนะว่า Gen Z เป็นรุ่นที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรักใคร่ ทำให้พวกเขาอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่นานนิดหน่อย แถมพอโตมา ยังเจอกับเศรษฐกิจที่ไม่ดีอีก
ดังนั้น ต่อให้ Gen Z จะพยายามโตให้เร็วที่สุดเท่าไร มันก็เป็นไปได้ยาก โดยทาง Business Insider นิยามปรากฎการณ์นี้ว่า Gen Z คือ ‘Take-It-Slow Generation’
Gen Z ดื่มเหล้านะ แค่ไม่ได้รีบก๊งกันตั้งแต่อายุน้อยๆ
เชื่อเลยว่า จากประเด็นทั้งหมด สิ่งที่กังขากันเรื่องแรกๆ คือ Gen Z ไม่ดื่มแอลกอฮอล์จริงหรอ? แล้วที่เห็นๆ กันตามสตอรีในอินสตาแกรมคืออะไร?
หากดูจากสถิติ ความจริง Gen Z ก็ดื่มเหล้านะ แต่ดื่มน้อยกว่าคนรุ่นอื่น แถมอัตราการดื่มก่อนวัยอันควรยังลดลงด้วย
Business Insider เผยว่า เมื่อ Gen Z อายุถึงเกณฑ์การดื่มเหล้าแบบถูกกฎหมายแล้ว พวกเขากลับเลือกที่จะไม่ดื่มในทันที แต่เป็นไปได้ว่า หากคนรุ่นนี้โตขึ้นอีกหน่อย ประมาณวัย 20 กลางๆ ก็อาจบริโภคแอลกอฮอล์มากขึ้น ไม่ต่างจากพวก Gen Y หรือ Gen X หรอก
นักวิเคราะห์ด้านเครื่องดื่มและกัญชาอธิบายว่า Gen Z เป็นรุ่นที่ไม่ได้มีประสบการณ์มหาวิทยาลัยเหมือนคนรุ่นอื่นๆ เนื่องจากเจอโควิด และโซเชียลมีเดียก็มีผลมากในชีวิตพวกเขา
แต่จากข้อมูล เธอเห็นเลยว่า เมื่อผู้คนย่างเข้าสู่วัย 24-25 ปี หรือเอาง่ายๆ คือวัยทำงานแบบเต็มตัว พวกเขาจะเริ่มดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้นเหมือนที่คนรุ่นก่อนๆ ทำกัน
ถ้าให้พูดกันตรงๆ การดื่มการดริ๊งก์เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจอยู่ไม่น้อย ซึ่ง Gen Z ส่วนหนึ่งยังไปไม่ถึงจุดนั้น ทำให้แทนที่พวกเขาจะเริ่มดื่มตั้งแต่อายุ 21 ปีตามกฎหมายสหรัฐฯ ก็หันมาบริโภคกันในวัย 25 มากกว่า
25 ปีคือยังไม่แก่นะจ๊ะ เป็นวัยแห่งการเริ่มต้นต่างหาก
เมื่อปี 2021 ‘Pew Research Center’ เผยว่า สถานภาพทางการเงินของคนอายุ 21 ปีในสหรัฐฯ นั้นตามหลังคนวัยเดียวกันในปี 1980 อยู่มากโข โดยมีแนวโน้มที่จะหางานประจำทำหรือซัพพอร์ตตนเองด้านการเงินได้น้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม หากมาดู Gen Z วัย 25 ปี สถานภาพทางการเงินของพวกเขาเทียบเท่ากับคนวัย 21 ปีใน 1980 เลย โดย
- 2 ใน 3 ของคนวัย 25 ปี มีงานประจำทำแล้ว ถือเป็นอัตราเดียวกับคนวัย 21 ปี และน้อยกว่าคนวัย 25 ปี ช่วง 1980 นิดเดียวเท่านั้น
- 60% ของคนวัย 25 ปีสามารถรับผิดชอบการเงินของตนเองได้แล้ว ซึ่งถือเป็นอัตราที่มากกว่าคนวัย 21 ปี และเทียบเท่ากับคนวัย 25 ปี ช่วง 1980 เลย
‘Richard Fry’ นักวิจัยอาวุโสด้านเศรษฐกิจและการศึกษาประจำ Pew Research Center เผยว่า ในแง่ของไมล์สโตนทางเศรษฐกิจ คุณก็อาจพูดได้ว่า “25 is the new 21”
ก่อนจะเร่งให้ไปหางาน ดูด้วยว่ามีใครเปิดรับสมัครบ้างไหม
Fry มองว่า การศึกษาอาจมีส่วนทำให้ Gen Z เริ่มทำงานกันช้าลง เนื่องจากพวกเขารอเรียนให้จบก่อนถึงจะค่อยหางานประจำทำ และขณะเรียนหนังสือ ก็อยากโฟกัสแค่ด้านนี้ด้านเดียว ไม่ต้องการไปทำงานพาร์ทไทม์
ในปี 2021 เกือบๆ ครึ่งหนึ่งของเด็กวัย 21 ปีกำลังศึกษาในมหาวิทยาลัย ต่างจากปี 1980 ที่มีเพียง 30% ของคนวัย 21 ปีเท่านั้นที่เลือกเรียนปริญญาตรีต่อ ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะสมัยนี้ ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของใบปริญญากันมากขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากตัดเรื่องวุฒิการศึกษาออก คนรุ่นใหม่ยังคงหางานทำน้อยกว่าคนรุ่นเก่าอยู่ดี โดยสัดส่วนของเด็กวัย 16-19 ปีที่เข้าสู่ตลาดแรงงานในปัจจุบันนั้น น้อยกว่าปี 1980 ราวๆ 17%
นักเศรษฐศาสตร์ประจำแพลตฟอร์มบริหารทรัพยากรมนุษย์แห่งหนึ่ง เผยว่า ต้นตอของสถานการณ์นี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่พนักงานเก่าๆ ยังเกาะติดสถานที่ทำงานเดิมอยู่แบบไม่ไปไหน ทำให้เด็กรุ่นใหม่แทบจะไม่มีลู่ทางในการเข้าไปทำงานได้เลย
เขาบอกว่า ปกติแล้ว หากอยากก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ก็ต้องอาศัยการย้ายที่ทำงานกัน ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้คนใหม่ๆ สามารถเข้ามาแทนที่ด้วย แต่ในเมื่อไม่มีใครออก และไม่มีตำแหน่งไหนว่างให้สมัคร Gen Z เลยยังไม่ได้เข้าสู่ตลาดแรงงานกันสักที
ขนาดเหล้ายังไม่ดื่ม งานก็ไม่ทำ ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องสร้างครอบครัวเลย
ไม่ใช่แค่เรื่องเงินๆ ทองๆ นะ ที่ Gen Z ชะลอไว้ แต่รวมถึงการแต่งงานมีลูกด้วย โดยตอนนี้ จำนวนคนที่แต่งงานมีลูกก่อนวัย 24 ปีน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
หากดูจากสถิติของ ‘หน่วยงานราชการสหรัฐอเมริกา’ แล้ว ค่ากลางหรือค่ามัธยฐานของวัยที่ผู้ชายและผู้หญิงเริ่มแต่งงานครั้งแรกกันในแต่ละยุคคือ
- 1980: 25 ปีสำหรับผู้ชาย และ 22 ปีสำหรับผู้หญิง
- 2000: 27 ปีสำหรับผู้ชาย และ 25 ปีสำหรับผู้หญิง
- 2024: 30 ปีสำหรับผู้ชาย และ 29 ปีสำหรับผู้หญิง
‘Aveyshla Jimenez’ วัย 25 ปีคือหนึ่งในคนที่เคยคิดว่า วัยนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการแต่งงานมีลูก แต่ความเป็นจริงคือ เธอยังพยายามปรับตัวเข้ากับการทำงานอยู่เลย
“มันไม่ใช่เพราะว่าฉันไม่อยากทำตัวตามคนสมัยก่อนนะ แต่มันดูไม่สมจริงอะ ฉันเพิ่งเริ่มทำงานเอง” Jimenez กล่าว
รีบทำไม ทำอย่างกับว่าจะตายพรุ่งนี้
ถ้าคุณกำลังคิดจะตำหนิว่า Gen Z ขี้เกียจ ไม่พยายาม ไม่ขวนขวาย ติดสบาย ไม่อดทน ขอให้ใจเย็นๆ แล้วมาอ่านนี่ก่อน
‘Jean Twenge’ นักจิตวิทยาและผู้แต่งหนังสือ ‘Generations: The Real Differences Between Gen Z, Millennials, Gen X, Boomers, and Silents — and What They Mean for America’s Future’ อธิบายว่า เอาง่ายๆ เลยนะ คนรุ่นใหม่มีเวลาใช้ชีวิตมากกว่าคนรุ่นก่อน
“นักจิตวิทยาเรียกสิ่งนี้ว่า กลยุทธ์แบบสโลว์ไลฟ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในหมู่คนที่มีอายุขัยยืนยาว” Twenge บอก
คุณปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้หรอก เพราะค่าเฉลี่ยอายุขัยของคนรุ่นหลังนั้นนานขึ้นจริงๆ ทำให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปได้
วัยรุ่นไม่ต้องรีบหาแฟนหรือหัดขับรถ คนรุ่นใหม่ไม่ต้องรีบหางานทำหรือสร้างครอบครัว ส่วนวัยกลางคนก็ดูเด็กและสดใสกว่าสมัยปู่ย่าตายายเยอะ
Twenge เล่าว่า ปรากฏการณ์นี้ค่อยๆ เริ่มมาตั้งแต่ยุค 90s แล้ว แต่มันมาแบบช้าๆ ก่อนจะเพิ่งมาเร่งสปีดในช่วง 2010s ซึ่งเป็นยุคของ Gen Z
ไม่ใช่แค่ตายยาก แต่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี (เกินไป) ด้วย
นอกจากนั้น อย่างที่บอกไปว่า Gen Z เป็นรุ่นที่ถูกประคบประหงมมาอย่างดีโดยพ่อแม่ ชนิดที่ว่า จะทำอะไร ก็มีผู้ใหญ่คอยกำกับดูแลอยู่ตลอด ทำให้พวกเขายืนด้วยลำแข้งตนเองยากขึ้น
นักจิตวิทยาเด็กเผยว่า พ่อแม่มีความลังเล พวกเขาไม่อยากให้ลูกต้องเจอกับความไม่สะดวกสบายใดๆ เลย ซึ่งการจะสร้างความมั่นใจหรือทักษะการแก้ปัญหาให้เด็กคนหนึ่งได้ ต้องมาจากการปล่อยให้พวกเขาเจอกับอุปสรรค แต่ผู้ปกครองรวมถึงโรงเรียนสมัยนี้พยายามปกป้องเด็กๆ จากปัญหามากกว่า
ด้วยเหตุนี้ Gen Z หลายๆ คนจึงไม่กล้าใช้ชีวิตของตนเอง และวิตกกังวลมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักจิตวิทยามองว่า การประคบประหงมไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป เพราะมันทำให้คนรุ่นใหม่ตระหนักรู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัว จนหลีกเลี่ยงพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง เช่น การดื่มเหล้าหรือการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
ยิ่งไปกว่านั้น ในแง่ของการหาที่พักเป็นของตนเอง คนรุ่นใหม่ก็มีแนวโน้มอยากอาศัยใกล้พ่อแม่มากกว่าคนรุ่นก่อนๆ ด้วย
ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์เผยว่า ถ้าเป็น Gen X นะ พวกเขาไม่อยากได้บ้านที่อยู่ใกล้ๆ ครอบครัวหรอก แต่สำหรับ Gen Y ตอนปลายกับ Gen Z การอยู่ใกล้ผู้ปกครองเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกที่พัก
ขณะเดียวกัน Gen Z บางคนไม่คิดจะหาที่อยู่เป็นของตนเองด้วยซ้ำ แต่ขออยู่กับพ่อแม่เหมือนเดิม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างผิดปกติสำหรับสังคมสหรัฐอเมริกา เพราะขนบของที่นั่นคือ หากอายุเกิน 18 ปีเมื่อไร ก็เชิญย้ายออกจากบ้านผู้ปกครองได้เลย
ทั้งนี้ สิ่งที่ผิดจากวัฒนธรรมเดิมไม่ได้แปลว่าไม่ถูกต้อง เพราะ Gen Z อเมริกันวัย 22 ปีคนหนึ่งให้เหตุผลว่า การอยู่กับพ่อแม่ไม่ใช่เรื่องแย่ ปู่ย่าตายายก็อยู่แถวนั้น ช่วยเซฟเงินเก็บไว้สำหรับอนาคต แถมได้อยู่กับหมาด้วย
เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน ไม่ได้แปลว่าเด็กๆ ต้องเชื่อฟังนะ
สำหรับใครที่ยังอคติกับ Gen Z และเตรียมใช้บทความนี้ไปเป็นอาวุธอีก คำถามคือ พวกคุณก็น่าจะเคยโดนสเตอริโอไทป์มาเหมือนกันไม่ใช่หรอ แล้วตัวคุณในปัจจุบัน เป็นอย่างที่ผู้ใหญ่ในยุคนั้นกล่าวหาหรือเปล่าล่ะ?
การที่ Gen Z ขอค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปกับชีวิต ไม่ใช่เรื่องผิดนะ เพราะยังไง สักวันหนึ่ง ทุกคนก็ต้องโตเป็นผู้ใหญ่อยู่ดี
มันไม่มีสูตรสำเร็จหรอกว่าคนเราควรจะเติบโตอย่างไร เพราะสังคมปัจจุบันกับสังคมยุคก่อนก็ไม่เหมือนกัน และการที่คนวัยเก๋าเคยใช้ชีวิตแบบหนึ่งมาจนประสบความสำเร็จ ไม่ได้หมายความว่าจะเอามาปรับใช้กับยุคนี้แล้วรอด
ตัวอย่างเช่น สมัยบูมเมอร์ พวกเขาเข้ามาทำงานในบริษัท ด้วยเส้นทางการงานที่มั่นคง ชัดเจน มีการสอนงานอย่างเป็นแบบแผน แต่หากมองมาที่สมัยนี้ พอคนรุ่นใหม่เริ่มงานปุ๊ป ก็ถูกโยนเข้ากองงานแบบไม่มีใครสอนเลย แล้วทำไมถึงยังคาดหวังให้พวกเขาโตไวๆ ในยามที่โอกาสดีๆ มีน้อยกว่า?
สรุปก็คือ โลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ได้มองง่ายๆ ขนาดนั้น และต้องยอมรับว่า การเลี้ยงดู การศึกษา และการทำงานสมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
ดังนั้น การมาคาดหวังให้ Gen Z ใช้วัฏจักรชีวิตเหมือนคนสมัยก่อน คงไม่เมคเซนส์เท่าไร และการที่พวกเขาเลือกที่จะยังไม่โตในตอนนี้ ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะไม่มีวันผลิบานในความเป็นผู้ใหญ่ของตนเองเลย
- วิจัยเผย Gen Z = เฮลตี้ที่สุด รักสุขภาพ ชอบกินอาหารดีๆ เข้า ‘ฟิตเนส’ บ่อย จนเหมือน ‘บ้าน’
- สื่อสารยาก ขี้เกียจ ไม่อดทน หวังแต่เงินเดือนสูงๆ ทำไม Gen Z ถึงเป็นสนามอารมณ์ รับจบทุกสถานการณ์
ที่มา: Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา