เวียดนาม กลายเป็นอีกปลายทางสำคัญของบริษัททั่วโลกรวมถึงประเทศไทย KBank จึงมีวิสัยทัศน์รุกตลาดเวียดนามตอบโจทย์ธุรกิจที่สนใจลงทุนในเวียดนาม
เวียดนาม คือประเทศที่พูดได้ว่ามาแรงที่สุดในยุคนี้ภายใต้บริบทภาพใหญ่ที่กำลังเปลี่ยนไปคือการย้ายฐานการผลิตจากจีนไปยังประเทศอื่น และจากการที่จีนเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจนวัตกรรมและมีความขัดแย้งกับสหรัฐฯ มากขึ้น
โดย Gartner บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจระดับโลกระบุว่าบริษัทกว่า 1 ใน 3 มีแผนย้ายการลงทุนออกจากจีน
ห่วงโซ่การผลิตโลกเข้าสู่ยุค China+1
ห่วงโซ่การผลิตโลกแบบเดิมๆ จึงกำลังเปลี่ยนไปสู่โมเดล China+1 หรือการลงทุนขาหนึ่งในจีนและกระจายความเสี่ยงออกไปยังประเทศอื่นอีกขา ประเด็นก็คือ เวียดนามเป็นปลายทางในฝันของหลายประเทศไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลี และยุโรป
สิ่งที่น่าดึงดูดสำหรับการลงทุนในเวียดนามก็คือ การมีโครงสร้างประชากรที่เรียกได้ว่าเป็นดั่งทอง เพราะมีประชากรถึง 100 ล้านคน โดย 70% อยู่ในวัยแรงงาน สวนทางกับโลกที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย
หมายความว่าเวียดนามเป็นทั้งตลาดขนาดใหญ่และเป็นฐานแรงงานที่เปี่ยมศักยภาพ
นอกจากนี้ เศรษฐกิจที่มีศักยภาพ ยังดึงดูดนักลงทุนทั่วโลก ข้อมูลจาก World Bank ชี้ให้เห็นว่าเวียดนามสามารถเติบโตได้ราวๆ 5% ต่อปี มาตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษ ก่อนจะหล่นลงเหลือ 2.9% ในปี 2020 เนื่องจากโควิด-19 ระบาด แต่ก็ยังคงเป็นประเทศเดียวที่ยังเติบโตเป็นบวกในอาเซียน
อีกอย่างหนึ่ง เวียดนามเชื่อมต่อกับโลกอย่างไร้รอยต่อด้วยความร่วมมือทางการค้าหลายกรอบ ไม่ว่าจะเป็น ข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA กับกลุ่มสหภาพยุโรป, CPTPP กับ 11 ประเทศแปซิฟิก, ข้อตกลงการค้าเสรีกับอังกฤษ, ข้อตกลง RCEP กับ 15 ประเทศ
บริษัทต่างชาติจึงมองว่าเวียดนามเป็นเหมือนฮับการลงทุนที่มอบโอกาสในการทำธุรกิจที่เชื่อมกับตลาดโลกได้เป็นอย่างดี
ถนนทุกสายมุ่งสู่ฮานอย (และโฮจิมินห์)
จากเหตุผลทั้งหมด จึงไม่แปลกใจว่าทำไมจึงเกิดปรากฏการณ์ที่บรรดาบริษัทระดับโลก ทั้ง Apple, Samsung, Toyota, Panasonic, Foxconn, SK, LG และอื่นๆ ไปลงทุนในเวียดนาม
แน่นอนว่าเมื่อตอนนี้หลากหลายบริษัททั่วโลกรวมถึงประเทศไทยกำลังให้ความสนใจกับการลงทุนทำธุรกิจในเวียดนาม จึงเป็นโอกาสสำคัญของธนาคารที่จะเข้าไปตอบโจทย์ธุรกิจด้วยการเข้าไปให้บริการทางการเงิน เช่น ธุรกรรมด้านสินเชื่อ เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการทำธุรกิจ
ธนาคารกสิกรไทยเปิดตัวสาขาแรกในเวียดนาม
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ธนาคารกสิกรไทยจึงได้เปิดตัวสาขาในนครโฮจิมินห์ เป็นสาขาแรกในประเทศเวียดนาม ภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค AEC+3 เชื่อมต่อเครือข่ายการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนเข้าด้วยกันผ่านดิจิทัล แพลตฟอร์ม ด้วยกลยุทธ์ธนาคารดิจิทัลแห่งภูมิภาค
เป้าหมายของการรุกเวียดนามครั้งนี้ ในช่วงแรกจะเน้นการให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่โดยเฉพาะชาวไทย จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่ต้องการขยายการลงทุนไปเวียดนามเพื่อการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ
ไปจนถึงผู้ประกอบการรายย่อยท้องถิ่น ด้วยการใช้เทคโนโลยีด้านดิจิทัล แบงกิ้ง และโมบาย แบงกิ้งของธนาคารกสิกรไทย ผ่านผลิตภัณฑ์เงินฝาก สินเชื่อบุคคล และร่วมมือกับเทคสตาร์ทอัพในท้องถิ่น พร้อมด้วยการร่วมลงทุนของ KVision เข้ามาช่วยพัฒนาบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
นอกจากนี้ ในปีนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังพร้อมทยอยส่งมอบบริการทางการเงินในรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้ลูกค้าเข้าสู่โลกของดิจิทัล แบงกิ้งอย่างเต็มรูปแบบผ่านสินเชื่อดิจิทัล เจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก 25,000 ราย ที่มาใช้บริการขอเงินกู้ (KBank Biz Loan) หรือร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการต่อยอดธุรกิจ
และในปี 2565 ธนาคารกสิกรไทยกำหนดเป้าเอาไว้ว่าจะมียอดเงินฝาก 1,200 ล้านบาท สินเชื่อ 15,000 ล้านบาท และจะสร้างฐานลูกค้าให้ได้ 8 ล้านคน ภายใน 5 ปี
สรุป
ด้วยบรรยากาศการค้าการลงทุนระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบ China+1 มากขึ้น เวียดนาม ที่มีความพร้อมทั้งในด้านเศรษฐกิจ ประชากร และข้อตกลงระหว่างประเทศ จึงกลายเป็นอีกปลายทางสำคัญในการลงทุนและทำธุรกิจของบริษัททั่วโลกรวมถึงประเทศไทย
ธนาคารกสิกรไทยจึงมีวิสัยทัศน์รุกตลาดเวียดนามเพื่อมอบบริการทางการเงินให้กับลูกค้าธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศที่สนใจทำธุรกิจและลงทุนในเวียดนาม รวมไปถึงขยายการให้บริการทางด้านการเงินแก่ลูกค้ารายย่อยในประเทศเวียดนามอีกเช่นกัน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา