ในประเทศเกาหลีมีคำกล่าวที่ว่า “พระเจ้าสร้างเรามา แต่หมอสร้างเราใหม่” (God creates you, but doctor-god really re-makes you.) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าต่อให้เราเกิดมามีรูปร่างหน้าตาอย่างไร แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมก็สามารถเปลี่ยนเราให้มีรูปลักษณ์ในฝันได้อยู่ดี ความเชื่อนี้ส่งผลให้โฆษณาเกี่ยวกับศัลยกรรมถูกนำเสนออยู่หลาย ๆ ที่ในประเทศเกาหลี ไม่ว่าจะตามท้องถนนทั่วไป ตามสถานีรถไฟ หรือตามป้ายรถประจำทางก็ตาม
อีกสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือรายการ Let Me In ซึ่งพยายามสื่อสารให้ผู้ติดตามเห็นความสำคัญว่าการศัลยกรรมช่วยเปลี่ยนชีวิตคนได้มากแค่ไหน ทำให้กระแสการปรับรูปลักษณ์ได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก
ขณะเดียวกัน คนไทยก็มักจะนึกถึงประเทศเกาหลีเป็นอันดับแรก ๆ เมื่อพูดถึงการทำศัลยกรรมหรือหัตถการต่าง ๆ เพื่อความสวยความงาม
อะไรทำให้เกาหลีกลายเป็นศูนย์กลางของธุรกิจเสริมความงามเช่นทุกวันนี้ ?
อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจนี้เฟื่องฟูในประเทศเกาหลี ?
ความสามารถทางการแพทย์
เป็นที่รู้กันดีว่าแพทย์ที่เกาหลีสามารถศัลยกรรมให้ออกมาดูเป็นธรรมชาติ แต่นอกจากความเก่งกาจในแง่นี้แล้ว จำนวนของแพทย์ก็เป็นอีกจุดแข็งที่เหนือกว่าประเทศอื่น ๆ ด้วย
โดยสัดส่วนของศัลยแพทย์ตกแต่งต่อแพทย์ทั้งหมดในเกาหลีใต้จะอยู่ที่ 2.6% ในขณะที่ในสหรัฐอเมริกาจะอยู่ที่ 0.7% เท่านั้น (อ้างอิงจากบทวิจัยเรื่อง Performing the Self: Cosmetic Surgery and the Political Economy of Beauty in Korea จัดทำโดยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Standford)
นอกจากนี้ ศาสตร์ศัลยกรรมในเกาหลียังช่วยให้ประหยัดเวลาได้อีกด้วย อย่างหลังจากผ่าตัดโหนกแก้มให้ใบหน้าเล็กลง ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติภายใน 3 วัน
อีกทั้งยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น หุ่นยนต์ช่วยในการผ่าตัด ทำให้แพทย์ผ่าตัดได้อย่างแม่นยำและลดโอกาสผิดพลาดต่าง ๆ
ปัจจุบันที่เกาหลีจึงมีสิทธิบัตรหุ่นยนต์ทางการแพทย์มากเป็นอันดับสองของโลก เป็นรองแค่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น เพื่อผลักดันการรักษาให้อยู่แนวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรมเพื่อความงาม หรือเพื่อรักษาความเจ็บป่วยก็ตาม (อ้างอิงจากข้อมูลของ Gynecologic Robotic Surgery Journal)
โอกาสด้านการทำงาน
ย้อนกลับไปในปี 1997 ที่มีวิกฤติการณ์การเงินในเอเชีย (วิกฤตต้มยำกุ้ง) ชาวเกาหลีที่สูญเสียหน้าที่การงานต่างพยายามหาทางกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานให้ได้ ซึ่งการทำศัลยกรรมปรับใบหน้าให้ดึงดูดใจเป็นหนึ่งในหนทางเหล่านั้น
อีกทั้งยังมีเหล่า Recruiter กว่า 80% ในประเทศเกาหลีที่มองว่ารูปถ่ายในใบสมัครเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการสกรีนและตัดสินใจรับคนเข้าทำงาน (อ้างอิงจากข้อมูลของ Harvard Medical Student Review)
ด้วยค่านิยมเหล่านี้ ที่เกาหลีจึงมีคำศัพท์ว่า “Chwieop Seonghyeong” หรือ Employment Surgery ถือกำเนิดขึ้นมาเลยทีเดียว เพราะเมื่อถึงฤดูกาลหางานทีไร ยอดผู้ที่เข้ารับการทำศัลยกรรมก็มักจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตาม ๆ กัน
เกาหลีมีย่านธุรกิจความงาม (Beauty Belt) โดยเฉพาะ
หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อย่าน ‘กังนัม’ และ ‘อัพกูจอง’ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของคลินิกศัลยกรรมและโรงพยาบาลรวมกว่า 400-500 แห่ง
นักท่องเที่ยวต่างชาติจึงพากันเดินทางมาทำศัลยกรรมที่ย่านนี้ปีละหลายแสนคน เพราะมีทางเลือกหลากหลาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและจีนที่อยู่ในประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง ด้วยความหวังว่าจะได้ใบหน้าที่ดูเป็นธรรมชาติกลับไป
ทั้งนี้ก็มีปัญหาที่มีนายหน้าพาชาวต่างชาติลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย เพื่อให้ทำศัลยกรรมกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานเช่นเดียวกัน
ราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
สืบเนื่องจากปัจจัยในข้อก่อนหน้านี้ ด้วยความที่ลูกค้ามีทางเลือกหลากหลาย ตัวคลินิกศัลยกรรมเองจึงจำเป็นต้องแข่งขันกันด้านราคาบ้างไม่มากก็น้อย
ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการทำศัลยกรรมกับฝั่งสหรัฐอเมริกา ทางฝั่งเกาหลีจึงมีราคาย่อมเยากว่า
ตัวอย่างเช่น การผ่าตัดเสริมจมูกที่สหรัฐอเมริกาจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ในเกาหลีใต้จะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 5,000 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
ส่วนการผ่าตัดทำตาสองชั้นที่สหรัฐอเมริกาจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 4,000-6,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ที่เกาหลีใต้จะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ เรียกได้ว่ามีเรทราคาแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลย
คนเกาหลีทำศัลยกรรมกันมากน้อยแค่ไหน
จากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ชาวเกาหลีจึงนิยมทำศัลยกรรมกันเป็นจำนวนมาก สอดคล้องกับข้อมูลของ International Society of Aesthetic Plastic Surgeons ที่ระบุว่า ผู้หญิงชาวเกาหลีกว่า 20% เคยผ่านการทำศัลยกรรมมาก่อน
ซึ่งผู้หญิงกลุ่มนี้จะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 20-40 ปี ต่างจากในสหรัฐอเมริกาที่อายุเฉลี่ยคือ 35-50 ปี (ตัวเลขจาก American Society of Plastic Surgeons) นั่นแปลว่าที่เกาหลีมีคนนิยมทำศัลยกรรมกันตั้งแต่อายุยังน้อย
จึงมีเทรนด์ที่พ่อแม่มอบเงินเป็นของขวัญให้ลูกไปทำศัลยกรรมหลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ นักศึกษามหาวิทยาลัยเพศหญิงในเกาหลีกว่า 46% เลยรายงานว่าเคยผ่านการเสริมความงามมาก่อน (อ้างอิงจากผลสำรวจของ International Journal of Women’s Health)
นอกจากนี้ ทางสำนักข่าว The Economist ยังเคยทำการศึกษาและพบว่า ธุรกิจศัลยกรรมในเกาหลีเติบโตกว่าในจีนถึง 17 เท่าเลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่มีประชากรน้อยกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก : Koreaexpose, Hmsreview, Humscistanfordedu, Xreasons, Grsjournal
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา