SEO คืออะไร? พร้อมสรุปวิธีทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Google

seoคือ

สำหรับใครที่สงสัยว่า SEO คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไรกับธุรกิจในยุคดิจิทัล บทความนี้มีคำตอบ!

ต้องบอกก่อนว่า ในปัจจุบันการแข่งขันทางออนไลน์สูงขึ้น การทำ SEO ถือเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ขาดไม่ได้สำหรับธุรกิจ เพราะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบนผลการค้นหาของ Google โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงแบบการยิงโฆษณา (SEM) การทำ SEO คืออีกหนึ่งข้อดีที่ไม่เพียงเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเจอคุณได้ง่ายขึ้น แต่ยังสร้างความน่าเชื่อถือและช่วยลดต้นทุนการตลาดในระยะยาว ถ้าคุณอยากให้ธุรกิจเติบโตแบบยั่งยืนและได้เปรียบคู่แข่ง ต้องเริ่มทำความเข้าใจ SEO ตั้งแต่ตอนนี้!

SEO คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรในปัจจุบัน

SEO (Search Engine Optimization) คือกระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อติดอันดับสูงขึ้นบนผลการค้นหาของ Google โดยเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับทั้งผู้ใช้งานและระบบอัลกอริทึม และเพิ่มปัจจัยต่างๆ ที่ช่วยให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือตามหลัก Technical SEO

สำหรับนักการตลาดออนไลน์แล้ว SEO คือครื่องมือสำคัญ เพราะช่วยดึง Traffic หรือคนเข้าเว็บไซต์ที่มีคุณภาพจากคนที่กำลังค้นหาสินค้าหรือบริการแบบเจาะจง SEO Marketing โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาแบบเพื่อติดอันดับ ทำให้ประหยัดงบการตลาดในระยะยาว รวมถึงเว็บไซต์ที่ติดอันดับสูงยังสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ เพิ่มการเป็นที่รู้จัก และส่งผลต่ออัตราการแปลงเป็นลูกค้า (Conversion Rate) และช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้อย่างยั่งยืน

เปรียบเทียบ SEO กับ SEM มีความแตกต่างกันอย่างไร

SEO

พฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเริ่มต้นการค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine อย่าง Google ทำให้ SEO (Search Engine Optimization) และ SEM (Search Engine Marketing) กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ธุรกิจต้องมีในการทำการตลาดออนไลน์ มาดูกันว่าแล้วทั้งสองกลยุทธ์นี้มีจุดเด่นแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

SEO คือเทคนิคการปรับปรุงเว็บไซต์งเว็บไซต์โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างเว็บไซต์และผลิตเนื้อหาคุณภาพ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาแบบออแกนิก ซึ่ง ทำ SEO ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เมื่อมีคนคลิก ช่วยดึงผู้เข้าชมเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

ข้อดี

  • ได้ Traffic ฟรีในระยะยาว
  • สร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์
  • เหมาะสำหรับธุรกิจที่อยากลงทุนครั้งเดียวแต่ติดอันดับยาว ๆ

ข้อจำกัด

  • ต้องใช้เวลานานกว่าเห็นผล (3-6 เดือนขึ้นไป)
  • ต้องอัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ (Optimize SEO)
  • ไม่สามารถควบคุมอันดับได้ 100%

ส่วน SEM คือระบบโฆษณาบน Google เช่น Google Ads ที่ต้องใช้งบประมาณสูงกว่า โดยผู้ลงโฆษณาสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายผ่านคำค้นหา (Keyword) ที่ต้องการ และจ่ายเงินเฉพาะเมื่อมีผู้คลิกโฆษณาเท่านั้น ระบบนี้ใช้หลักการเสนอราคา (Bidding) ทำให้ธุรกิจสามารถควบคุมการแสดงผลได้ตามงบประมาณที่ตั้งไว้

ข้อดี

  • เห็นผลทันทีภายใน 24 ชม.
  • ควบคุมงบประมาณและกลุ่มเป้าหมายได้

ข้อจำกัด

  • ต้องจ่ายเงินต่อเนื่อง
  • ค่าใช้จ่ายสูงเมื่อมีการแข่งขันมาก
  • ผลลัพธ์หายไปเมื่อหยุดโฆษณา

SEO องค์ประกอบหลัก ๆ มีอะไรบ้าง

การทำ SEO ให้ได้ผลต้องอาศัยการทำงานที่ครอบคลุม 3 ด้านหลักด้วยกัน คือ On-Page SEO, Off-Page SEO และ Technical SEO บน Website ซึ่งแต่ละส่วนมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Google และดึงดูดผู้เข้าชมได้อย่างยั่งยืน

  • On-Page SEO การปรับปรุงปัจจัยต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ เพื่อให้ Google เข้าใจและจัดอันดับเนื้อหาได้ดีขึ้น เช่น เขียนบทความคุณภาพ หรือมีการใช้ Heading, Meta Tags ที่มีความยาวตามหลัก SEO
  • Off-Page SEO คือการเพิ่ม Authority (ความน่าเชื่อถือ) ให้เว็บไซต์ผ่านการส่งลิงก์จากบทความบนเว็บไซต์ภายนอกมายังเว็บไซต์เราเอง ยิ่งได้ลิงก์จากเว็บคุณภาพสูง เช่น เว็บสำนักข่าว ยิ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และต้องหลีกเลี่ยงการซื้อลิงก์หรือใช้วิธี Spam เพราะอาจถูก Google ปรับลดอันดับลงและอาจหายไป
  • Technical SEO คือ การปรับปรุงโครงสร้างต่าง ๆ บนเว็บไซต์ด้วยเทคนิคที่ครอบคลุมทุกด้านที่ส่งผลต่อการ Indexing และการ Crawling เพื่อให้ Google ค้นหาและจัดอันดับบทความได้ดี เช่น ปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ (Page Speed), ใช้ Responsive Design, XML Sitemap และ Robots.txt เป็นต้น

การทำ SEO เบื้องต้น มือใหม่ต้องรู้!

หากคุณกำลังสนใจทำ SEO บน Google หรือ Search Engine อื่น ๆ มาดูกันว่ามีองค์ประกอบสำคัญอะไรบ้างที่ต้องรู้

  • การวางแผนโครงสร้างเว็บไซต์ (Website Structure) ออกแบบเว็บไซต์ให้มีโครงสร้างที่เป็นระเบียบ มีการเชื่อมโยงภายในเป็นระบบลำดับชั้นชัดเจนและง่ายต่อการใช้งาน 
  • Keyword Research เริ่มจากค้นหาคำที่คิดว่าผู้บริโภคจะค้นหาคำนั้น ๆ และตรงกับบริการหรือผลิตภัณฑ์ของคุณ โดยใช้เครื่องมือเช่น Google Keyword Planner, หรือUbersuggest เทคนิคคือให้เลือกคำที่ปริมาณการค้นหาจริง เหมาะสมและการแข่งขันไม่สูงเกินไป
  • การปรับแต่งเนื้อหาบทความบนเว็บไซต์ (On-Page SEO) เมื่อได้ Keyword เรียบร้อยแล้ว ต้องเขียนเนื้อหามีประโยชน์ ยาวพอสมควร (พิจารณาได้จากคู่แข่งที่อันดับดี) เพิ่ม รูปภาพ + Alt Text, Internal link และ Meta Description
  • ทำลิงก์จากเว็บไซต์อื่นสร้างความน่าเชื่อถือ (Off-Page SEO) หรือที่เรียกว่า Backlink จากเว็บคุณภาพ เช่น บทความ guest post, blog post หรือสำนักข่าว โดยมีการแทรก External link ในบทความของเว็บไซต์อื่น กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ
  • การปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์ (Site Speed Optimization)  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ให้เร็วขึ้น เช่น ติดตั้งปลั๊กอินบีบอัดรูปภาพ 
  • ติดตามผลลัพธ์และวิเคราะห์ข้อมูล (Tracking and Analytics) เมื่อเริ่มทำ SEO ควรมีการใช้เครื่องมือเพื่อติดตามผลลัพธ์การทำ SEO จากนั้นนำมาวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงให้ผลลัพธ์ดีขึ้น

NerdOptimize เอเจนซี่รับทำ SEO พร้อมออกแบบกลยุทธ์ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก

SEO ไม่ใช่แค่การสร้างบทความอย่างเดียว แต่ยังมีวิธีการและปัจจัยอีกหลายส่วนที่จะทำให้เว็บไซต์หนึ่งสามารถติดอันดับได้ เพราะ SEO คือกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ต้องทำอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การหา Keyword, การปรับโครงสร้างเว็บไซต์, เขียนเนื้อหาให้มีคุณภาพ และแก้ไขปัญหาเทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้เว็บติดอันดับบน Google แบบยั่งยืน โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา 

การเริ่มต้นทำ SEO ให้ได้ผลลัพธ์ดี ต้องใช้เวลา ความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และการทดลองปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์เร็วและแม่นยำ

ถ้าคุณกำลังมองหา Agency SEO ขอแนะนำ NerdOptimize บริษัทรับทำ SEO แบบครบทุกขั้นตอน มีการออกแบบกลยุทธ์เฉพาะสำหรับทุกธุรกิจ ไม่ใช่แค่ทำตามสูตรสำเร็จเดิม ๆ แต่ที่เนิร์ดจะวิเคราะห์คู่แข่งเชิงลึก และปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมมี Dashboard รายงานผลแบบ Real-Time เพื่อให้คุณเห็นการเติบโตของเว็บไซต์อย่างชัดเจน พร้อมพาธุรกิจของคุณติดอันดับ 1 Google ในคีย์เวิร์ดที่ต้องการ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
The cars we drive say a lot about us. Keep calm and drive on.