ช่วงนี้ไทยเราดูจะมีข่าวดีให้ประชาชนบ่อยๆ ตั้งแต่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นต้นปีหน้า หรือล่าสุดที่รัฐบาลอนุมัติอัดฉีดเงินให้ผู้มีรายได้น้อย (รายได้ 30,000 บาท ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี) และคนชราเพิ่มขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่
รัฐบาลใจดีอัด 3.8 หมื่นล้านบาทอัดฉีดเงินใส่บัตรคนจน-คนชราจะได้อะไรบ้าง?
อภิศักดิ์ ตันติวรวงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่า มติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเพิ่มการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) กว่า 14.5 ล้านคน โดยใช้วงเงิน 38,730 ล้านบาท (จากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม) และออก 4 มาตรการได้แก่
- เพิ่มค่าใช้จ่ายช่วงปลายปี 500 บาท/คน (ให้ถอนเงินออกจากบัตรได้เลยจากที่ปกติจะให้ใช้จ่ายในร้านค้าที่กำหนด)
- ให้ค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) 1,000 บาท/คน (ถอนเงินออกจากบัตรได้เหมือนกัน)
- ช่วยเหลือคนชราได้ค่าเช่าบ้าน 400 บาท/คน/เดือน ตั้งแต่ ธ.ค. 61 -ก.ย. 62 (10 เดือน)
- ช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟเดือน ธ.ค. 61 -ก.ย. 62 (10 เดือน) ได้แก่ ค่าไฟ 230 บาทต่อครัวเรือน/เดือน ค่าน้ำ 100 บาทต่อครัวเรือน/เดือน
เมื่อคลังทุ่มเงิน 38,000 ล้านบาทให้คนจนจะมีผลดีกับเศรษฐกิจและหุ้นไทยอย่างไร?
ข้อมูลจาก Nomura บอกว่า เมื่อมีเงินอัดฉีดให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นผู้บริโภคให้ใช้จ่ายในกลุ่มค้าปลีกจะดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าในชีวิตประจำวัน เบื้องต้นคาดว่า CPALL (บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)) จะได้รับผลประโยชน์สูงสุด จากการเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกและมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ
ส่วนค้าปลีกค่ายอื่นที่ได้รับผลประโยชน์รองลงมาได้แก่ BJC (บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)) และ MAKRO (บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน))
สรุป
ผลกำไรของรัฐบาลคือความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ดังนั้นเมื่อรัฐเก็บภาษีมาก็ต้องกระจายให้ทั่วถึงซึ่งรัฐสวัสดิการเป็นหนึ่งในสิ่งที่ใ้ห้ประชาชนในทางตรง ล่าสุดครม. เพิ่งอนุมัติงบ 38,000 ล้านบาทให้สวัสดิการกับคนรายได้น้อยกว่า 14.5 ล้านคน ช่วยทั้งเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารถสาธารณะ ส่วนคนชราได้ค่าเช่าบ้านเดือนละ 400 บาท ค่าเดินทางไปหาหมอเดือนละ 1,000 บาท แต่บางสวัสดิการให้แค่ 10 เดือน (ถึงก.ย. 2562) เลยเป็นที่มาให้หลายคนมองว่ารัฐบาลกำลังหาเสียงการเลือกตั้ง… ต้องรอดูกันต่อไป
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา