คุณคิดว่าการ์ตูนไทยจะไปไกลระดับโลกได้หรือเปล่า?
หลายๆ คนอาจรู้จักหรือเป็นแฟนคลับของ ‘LINE WEBTOON’ (WEBTOON) กันอยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นเคย มันคือแพลตฟอร์มที่รวบรวม ‘การ์ตูน’ และ ‘นิยาย’ หลากหลายประเภท ทั้งของไทยและต่างประเทศ แถมยังเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้นักเขียนนักวาดมือสมัครเล่นได้ลองสร้างสรรค์ผลงานเป็นของตนเองด้วย
ปัจจุบัน WEBTOON เปิดให้บริการแล้วกว่า 150 ประเทศ รวมถึงยังมีแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่เปิดให้บริการภายใต้เครือเดียวกัน เช่น
- LINE MANGA สำหรับประเทศญี่ปุ่น
- Wattpad แพลตฟอร์มนิยายเปิดให้บริการทั่วโลก
- Munpia แพลตฟอร์มนิยายในเกาหลีใต้
จากตัวเลขปี 2023 WEBTOON มีผู้ใช้งาน 163 ล้านคนต่อเดือน ผู้แต่ง 24 ล้านคน พร้อมการ์ตูนราวๆ 450,000 เรื่อง และนิยายบนแพลตฟอร์มอีก 54 ล้านเรื่องทั่วโลก
ในแง่ผลประกอบการ WEBTOON สามารถสร้างรายได้ปี 2024 ถึง 4.5 หมื่นล้านบาทเลย
Brand Inside มีโอกาสพูดคุยกับ ‘คิม โดยอง’ หัวหน้าธุรกิจ LINE WEBTOON ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงอยากแบ่งปันมาให้ทุกคนได้อ่านกัน
ไม่อยากให้การ์ตูนเป็นแค่เรื่องราวในจอ

เอาจริงๆ LINE WEBTOON ก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จระดับโลกแล้ว โดยคิมเผยว่า ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้แพลตฟอร์มนี้โดดเด่นกว่าผู้อื่นคือ
- มีความหลากหลาย ตอบรับผู้ใช้งานจำนวนมาก
- มีคอนเทนต์ออริจินัล ที่ผูกขาดอยู่แค่กับ WEBTOON ทำให้เกิดเป็นฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่ง
- ไร้พรมแดน เพราะการ์ตูนหลายๆ เรื่องสามารถเอาไปแปลเป็นภาษาอื่นได้
อย่างไรก็ตาม แม้ WEBTOON จะแมสขนาดไหน แต่บริษัทมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คือการต่อยอดการ์ตูนธรรมดาๆ ให้กลายเป็นสินค้า บริการ หรือสื่อรูปแบบอื่น เช่น ภาพยนตร์ อนิเมชัน หนังสือ สินค้า Merchandise เกม และอีเวนต์
ณ ตอนนี้ WEBTOON ก็ได้นำการ์ตูนกว่า 900 เรื่องไปต่อยอด และแน่นอนว่า ของไทยย่อมไม่น้อยหน้าประเทศอื่น เช่น
- ‘ฉันนี่แหละท่านขุนที่สวยที่สุดในสยาม’ ถูกนำไปดัดแปลงเป็นซีรีส์ กำลังจะออนแอร์ประมาณเดือนกรกฎาคม 2025 และเคยจัด Pop-Up Store เมื่อปีที่แล้ว โดยมีผู้เข้าชมมากถึง 1 หมื่นคน พร้อมยอดสั่งซื้อสูงสุดประมาณ 12,000 บาทในบิลเดียว
- ‘ครัวง่ายๆ สไตล์เด็กหอ’ ถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมชันที่มียอดวิวกว่า 77 ล้านครั้ง โดยยอดรับชมสูงสุดคือ 20 ล้านวิว
- ‘Summer Night ความลับในคืนฤดูร้อน’ ถูกนำไปทำเป็นซีรีส์ ออนแอร์ปี 2024
- ‘Break-up Service บริษัทรับจ้างทำลายรัก’ ถูกนำไปทำเป็นซีรีส์ ออนแอร์มีนาคม 2025
เรื่องไหนแมส แฟนคลับเยอะ คุณภาพดี เตรียมเอาไปสานต่อ
ถ้าถามว่าบริษัทใช้เกณฑ์อะไรในการคัดเลือก WEBTOON ไปพัฒนาต่อ คิมก็อธิบายว่า มันสรุปเป็นวัฏจักรดังนี้
- ถ้า WEBTOON เรื่องไหนดีมากๆ สามารถวัดได้จากฟีดแบคของผู้ใช้งานและจำนวนเงินที่ผู้อ่านเปย์ให้ครีเอเตอร์
- หากครีเอเตอร์คนไหนได้รับความรักเยอะๆ จากมือสมัครเล่น อาจพัฒนากลายเป็นมืออาชีพ นำไปสู่การทุ่มแรง ลงทุนกับผลงานตนเอง ทำให้คุณภาพคอนเทนต์ดีขึ้น
- เมื่อคุณภาพคอนเทนต์ดีแล้ว จะถูกเสนอให้เอาไปต่อยอดเป็นรูปแบบต่างๆ
- หลังจากปล่อยผลงานในรูปแบบอื่นแล้ว ผู้ชมจากซีรีส์หรืออื่นๆ ก็อาจสนใจว่าต้นฉบับเป็นอย่างไร แล้ววนกลับมาอ่านเนื้อเรื่องดั้งเดิมใน WEBTOON
คิมอธิบายว่า การนำ WEBTOON ไปดัดแปลงเป็นสินค้าหรือบริการอื่นๆ ก็เหมือนกับเครื่องมือทางการตลาดแบบหนึ่งที่ทำให้บริษัทมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ WEBTOON ก็มีเกณฑ์ในการเลือกเรื่องที่จะนำไปแปลเป็นภาษาอื่นๆ เหมือนกัน
หลักๆ แล้ว บริษัทจะดูว่า แต่ละชาติมีความชื่นชอบแบบไหน วัฒนธรรมเป็นอย่างไร และแพลตฟอร์มในพื้นที่ยังขาดเรื่องราวหมวดไหนบ้าง เพื่อเลือกการ์ตูนหรือนิยายไปนำเสนอ
โดยวิธีการดูว่า ผู้ใช้งานในแต่ละประเทศชอบอ่านสื่อประเภทไหนก็ไม่ยาก เพราะ WEBTOON มีคลังข้อมูลหลังบ้านอยู่แล้วว่า คอนเทนต์หมวดไหนเป็นที่นิยม หรือควรหาหมวดไหนมาเติมบ้าง
WEBTOON ไทยแมสมาก เตรียมจัดงานมหกรรมเป็นที่แรกของโลก

คิมเล่าว่า สำหรับประเทศไทย จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนยังเยอะต่อเนื่อง ส่วนเวลาเฉลี่ยในการใช้งานบนแอปฯ ก็อยู่ที่ราวๆ 56 นาทีต่อวัน
คิมยังบอกว่า WEBTOON ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มหนังสือการ์ตูนชั้นนำของไทย แต่เป็นเบอร์ต้นๆ ของตลาดแอปพลิเคชันเพื่อความบันเทิงในประเทศเลยด้วยซ้ำ
เมื่อปี 2024 WEBTOON ของไทยเองก็ถูกนำไปดัดแปลงเป็นสินค้าลิขสิทธิ์อื่นๆ ถึง 19 เรื่อง และในปี 2025 คิมตั้งเป้าไว้ว่า บริษัทจะต้องต่อยอด WEBTOON ไทยถึง 52 เรื่องให้ได้ นับเป็นอัตราการเติบโตจากปีก่อนหน้า 174% เลย
ถ้าถามว่า WEBTOON ฝีมือคนไทย มีศักยภาพขนาดไหน ก็นอกจากคอนเทนต์ที่ถูกดัดแปลงเป็นสินค้าลิขสิทธิ์อื่นๆ ดังที่กล่าวไปแล้ว ยังมีคอนเทนต์อีกหลายเรื่องที่นำไปแปลให้ประเทศอื่นๆ อ่าน ประกอบด้วย
- สหรัฐอเมริกา (1 เรื่อง): รักนี้มีเปย์
- เกาหลีใต้ (2 เรื่อง): Good Morning Professor / คุณแม่วัยใส
- ญี่ปุ่น (2 เรื่อง): ครัวง่ายๆ สไตล์เด็กหอ / คุณแม่วัยใส
- ฝรั่งเศส (2 เรื่อง): Good Morning Professor / Summer Night ความลับในฤดูร้อน
- ไต้หวัน (4 เรื่อง): ฉันนี่แหละท่านขุนที่สวยที่สุดในสยาม / คุณแม่วัยใส / หนึ่งปีที่ผมอาจไม่ทน / เมื่อฉันต้องไปอยู่โรงเรียนชายล้วน
- จีน (6 เรื่อง): ฉันนี่แหละท่านขุนที่สวยที่สุดในสยาม / Good Morning Professor / ชั่วโมงที่ 25 / Pastel Love / เปลี่ยนฝันร้ายให้กลายเป็นรัก
- อินโดนีเซีย (6 เรื่อง): รักนี้มีเปย์ / น้องส้มสมหวัง / อุนจิ / ครัวง่ายๆ สไตล์เด็กหอ / คุณแม่วัยใส / วันทองไร้ใจ
ในส่วนของแผนปี 2025 คิมเผยว่า WEBTOON จะมีการคอลแลบร่วมกับ ‘Toylaxy’ เพื่อสร้างอาร์ตทอยมาวางจำหน่าย และยังคงเดินหน้าต่อยอดคอนเทนต์ต่างๆ ไปเรื่อยๆ
ที่สำคัญ ช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ แฟนๆ WEBTOON เตรียมกรี๊ดได้เลย เพราะกรุงเทพฯ ถูกเลือกเป็นสถานที่แรกของโลก ในการจัดงาน ‘WEBTOON-CON’ ที่จะพาทุกคนมาพบปะกับศิลปินนักวาดและนักเขียนในดวงใจ แต่รายละเอียดเป็นอย่างไรบ้างนั้น คงต้องรอติดตามกันไป
อยากดันวงการ WEBTOON ไทยให้ไปไกลระดับโลก
จากศักยภาพที่กล่าวมา คิมพูดเลยว่า แม้ตนจะเป็นคนเกาหลีใต้แท้ๆ แต่เชื่อว่า WEBTOON ไทยสามารถไปไกลระดับโลกได้ และบริษัทก็กำลังมุ่งเน้นอยากพัฒนาคอนเทนต์ของไทยเหมือนกัน
WEBTOON อยู่คู่คนไทยมานานนับ 10 ปี ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของยุคดิจิทัล และยังให้พื้นที่แสดงฝีมือกับนักเขียนไทย ตั้งแต่เปิดให้บริการในประเทศ
ดังนั้น WEBTOON เลยไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มที่ครองใจนักอ่านทั่วไทย แต่รวมถึงครีเอเตอร์ด้วย
และเพื่อผลักดันวงการการ์ตูนไทยให้ไปไกลระดับโลกอย่างที่คิมหวัง ทาง WEBTOON ก็มีแนวทางในการปั้นครีเอเตอร์ไทยให้เทียบเท่าศิลปินเกาหลีใต้
คิมเผยว่า ครีเอเตอร์ไทยนั้น มีความคิดสร้างสรรค์ หลากหลาย และโดดเด่นอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ขาดคือเทคนิคและความรู้เท่าทันเทรนด์โลก
ทางบริษัทจึงคอยจับตาดูว่า นักเขียนคนไหนมีจุดแข็งอะไรบ้าง แล้วให้โปรดิวเซอร์ช่วยปั้นงาน ประกอบกับคอยให้อินไซต์กระแสโลกอยู่สม่ำเสมอ เพราะถ้าจะไปตีตลาดโลก ครีเอเตอร์ก็ต้องรู้ด้วยว่า ตอนนี้เขาอินเรื่องอะไรกัน
นอกจากนั้น WEBTOON ยังมี ‘Training Camp’ ที่เหล่าครีเอเตอร์ไทย จะได้มาเรียนรู้เทคนิคและวิธีการพัฒนาคอนเทนต์ตนเองจากศิลปินมากฝืมือของ WEBTOON ฝั่งเกาหลีใต้
คิมมองว่า อุตสาหกรรม WEBTOON ในเกาหลีใต้คือพัฒนามากๆ แล้ว เนื่องจากเริ่มทำกันมาตั้งแต่ 20 ปีก่อน แถมศิลปินที่นั่นยังทำงานกันจริงจังมากๆ เรียกได้ว่ารวมทีมกันเป็นสตูดิโอเลย ส่งผลให้พวกเขามีมุมมองและเทคนิคที่มากกว่า
ภายในแคมป์ ครีเอเตอร์ไทยจะได้เรียนรู้เทคนิคมากมายที่สามารถช่วยในการทำงาน เช่น ทักษะการวาด วิธีการใช้เครื่องวาดให้มีประสิทธิภาพ หรือแนะนำฟังก์ชันที่สามารถช่วยให้ทำงานไวขึ้น
แม้ตอนนี้ LINE WEBTOON จะยังไม่เคยร่วมงานกับ ‘THACCA’ (Thailand Creative Culture Agency) หน่วยงานซอฟต์พาวเวอร์ของไทย แต่คิมมองว่า เป้าหมายของทั้งคู่สอดคล้องกัน เพราะต่างคนก็อยากพาผลงานไทยไปสู่ระดับโลก
ดังนั้น คิมเชื่อว่า หากมีโอกาส เขาคงอยากร่วมงานกับ THACCA แน่นอน
WEBTOON ไม่ใช่ IP เดียวที่ LINE อยากผลักดัน
นอกจาก WEBTOON ที่ถือเป็น IP (Intellectual Property) หรือทรัพย์สินทางปัญญาของ ‘LINE’ แล้ว ยังมีเครือ ‘LINE IPX’ ที่รวบรวมคาแรกเตอร์น่ารักมากมาย พร้อมขยายเป็นแบรนด์สู่ตลาดโลกด้วย
เดิมที LINE IPX มีชื่อว่า ‘LINE FRIENDS’ ซึ่งหลายๆ คนคงคุ้นเคยในฐานะสติกเกอร์ไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บราวน์ โคนี แซลลี หรือมูน แต่จริงๆ บริษัทไม่ได้มีคาแรกเตอร์เซ็ตนั้นเซ็ตเดียว เพราะแค่ในไทย ก็มี IP รวมกันถึง 4 ชุด คือ
- LINE FRIENDS: 11 คาแรกเตอร์ที่ผู้ใช้งาน LINE ทุกคนคุ้นเคย มาพร้อมกับผู้ติดตามกว่า 30 ล้านคน แถมเคยร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ เกิน 1,300 เจ้าตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีแคมเปญประจำปีอย่าง ‘LOVE THE EARTH CAMPAIGN’ ที่น้องๆ จะมาเชิญชวนทุกคนให้รักษ์โลก ผ่านสินค้าและอีเวนต์ต่างๆ
- minini: LINE FRIENDS เวอร์ชันจิ๋ว ผู้เป็นที่รักของ Gen Z ด้วยคาแรกเตอร์สุดน่ารัก แสบๆ ซนๆ พร้อมกับคอนเทนต์ที่คอยปล่อยผ่านโซเชียลอยู่เสมอ และแม้ IP เซ็ตนี้จะเพิ่งเปิดตัวไปตอน 2022 แต่ก็มีโอกาสคอลแลบกับพาร์ทเนอร์หลายรายแล้ว
- BT21: IP แรกที่ LINE ได้ร่วมงานกับศิลปิน K-POP ชื่อดังอย่าง ‘BTS’ โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกในวงทุกคนมาสร้างสรรค์คาแรกเตอร์เป็นของตนเอง แถมปีนี้เมื่อ BTS กลับมารวมตัวครบทุกคน ทางบริษัทก็มีโปรเจกต์พิเศษต้อนรับการคัมแบค ผ่านอนิเมชัน ‘BT21 The Journey’ เตรียมออนแอร์ปลายเดือนมิถุนายน 2025
- K-POP: ด้วยกระแส K-POP ที่มาแรงทั่วโลก LINE IPX อยากเป็นตัวกลางเชื่อมศิลปินกับแฟนคลับเข้าหากัน ผ่านสินค้าและประสบการณ์ต่างๆ โดยที่ผ่านมาก็ได้ร่วมงานกับไอดอลหลากหลายกลุ่ม อาทิ Zero Base 1, NJZ (ชื่อเดิมว่า NEW JEANS), G-IDLE และ Ive
2025 คนไทยเตรียมเจอคาแรกเตอร์ใหม่ๆ ได้เลย

สำหรับ LINE IPX ไทยถือเป็นตลาดที่ใหญ่ติดท็อป 5 ประเทศแรกๆ ของโลก และปีนี้ บริษัทก็จะเปิดตัวสอง IP ใหม่ในไทย ได้แก่
- ‘JOGUMAN’: ไดโนเสาร์สุดกวน ที่มาพร้อมคอนเซปต์ “แม้เราจะตัวเล็ก แต่ไม่ได้หมายความว่า เราไม่สำคัญ” โดยมีตัวละครหลักชื่อว่า ‘Brachio’ ไดโนเสาร์สีเขียว ที่จะมาตั้งโชว์ในไทยด้วยขนาดสูงถึง 4 เมตรเร็วๆ นี้
- ‘DINO TAENG’: ควอกก้าและผองเพื่อนในหมู่บ้าน ‘Mashville’ ที่ทุกคนมีภารกิจตามหามาร์ชเมลโลที่ดีที่สุด กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความสุขและมิตรภาพ โดยสำหรับไทยเอง ตอนนี้ ทางบริษัทก็มีแพลนจะมาเปิดนิทรรศการเช่นเดียวกันกับ JOGUMAN
แม้ปัจจุบัน LINE IPX ยังไม่เคยมีผลงานฝีมือนัดวาดไทย หรือสร้างสรรค์ตัวละครไหนร่วมกับศิลปินในวงการบันเทิงไทยเลย แต่ ‘จิณณ์มนัส ดุลยศักดิ์ชัย’ หัวหน้าธุรกิจ IPX ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็บอกว่า องค์กรพร้อมเปิดกว้าง เนื่องจากทำที่เกาหลีใต้มาสองปีกว่าแล้ว ตอนนี้ระบบเริ่มมั่นคง จึงทำให้เห็นภาพว่าทำอะไรแล้วเวิร์คและพร้อมขยายสเกลมาระดับ Local มากขึ้น
ในอนาคต จะมีคาแรกเตอร์ฝีมือคนไทยไหม หรือ LINE IPX จะไปคอลแลบกับศิลปินไทยคนไหน แล้ว LINE WEBTOON ของเราจะไปไกลระดับโลกได้จริงๆ หรือเปล่า คงต้องเอาใจเชียร์กันต่อไป
- เปิดตัว LINE Premium รูป-ข้อความ-ไฟล์ ไม่หาย แยกโปรไฟล์งาน-ส่วนตัวได้ ราคา 169 บาท/เดือน
- LINE ประเทศไทย บอกปี 2024 เป็นปีแห่งความหลากหลายของ ‘ป๊อปคัลเจอร์’
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา