มหาเศรษฐี Warren Buffett ผู้มีมุมมองเรื่องการลงทุนเชิงมูลค่า (value investor) ที่เฉียบคม เคยกล่าวเอาไว้ว่าเขาไม่สนใจซื้อหุ้นบริษัทไฮเทค เพราะเป็นธุรกิจที่เขาไม่เข้าใจ
แต่ในยุคสมัยที่บริษัทไอทีผงาดขึ้นมาครองโลก Buffett เองก็ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ หันมาซื้อหุ้นของบริษัทไอทีมากขึ้น แม้ว่าการซื้อหุ้นไอทีของเขาจะยังไม่เข้าเป้ามากนัก แต่ก็เป็นสัญญาณทีน่าสนใจว่า Buffett หันมาเปิดปากพูด แสดงความเห็นเกี่ยวกับหุ้นบริษัทไอทีมากขึ้น
ขายหุ้น IBM เพราะมูลค่าไม่สูงอย่างที่เคยประเมินไว้
ในปี 2011 Buffett กลับคำจากที่เคยพูดไว้ว่าไม่สนใจบริษัทไอที โดยไปไล่ซื้อหุ้น IBM บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เป็นเงินถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ตอนนั้น หุ้นของ IBM ดีดตัวขึ้นเพราะมีนักลงทุนรายใหญ่อย่าง Buffett ให้ความเชื่อมั่น นักลงทุนรายอื่นๆ ย่อมมีความรู้สึกว่า “จอมเวทย์แห่งโอมาฮา” อย่าง Buffett น่าจะมองเห็นอะไรที่คนอื่นมองไม่เห็น
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด Buffett เริ่มขายหุ้น IBM จำนวน 1 ใน 3 ของที่เขาครอบครองไว้ออกมาในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสที่สองของปี 2017 โดยเขาให้สัมภาษณ์สั้นๆ กับ CNBC ว่าเขาไม่ได้ให้มูลค่า IBM เท่ากับที่เขาเคยให้ตอนซื้อหุ้นเมื่อ 6 ปีก่อน ตอนนี้เขาลดมูลค่าของ IBM ลงมาแล้ว
ช่วงหลัง ผลประกอบการของ IBM ออกมาไม่ดีนัก ถึงแม้จะไม่ขาดทุนแต่รายได้และกำไรก็ลดลง อันเป็นผลมาจากการปรับตัวของตลาดเทคโนโลยีองค์กร ที่เริ่มหันมาเช่าระบบคลาวด์แทนการซื้อฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์แบบเดิม ซึ่งเป็นตลาดที่ IBM ถนัดและครอบครองมานาน แต่การปรับตัวของ IBM ยังไม่เห็นผลมากนักในแง่รายได้ที่กลับมาเพิ่มขึ้น
ยอมรับความผิดพลาด ไม่ซื้อหุ้น Google ที่ผู้ก่อตั้งมาเสนอขาย
ในการประชุมประจำปีของผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway บริษัทลงทุนของ Buffett ที่ผ่านมา เขายอมรับว่าตัดสินใจผิดพลาดที่ไม่ซื้อหุ้น Google (ปัจจุบันคือ Alphabet) มาโดยตลอด เขาเล่าว่าผู้ก่อตั้ง Google เคยมาเสนอขายหุ้นกับเขาหลังจากนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ใหม่ๆ แต่ Buffett ปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าไม่สนใจหุ้นเทคโนโลยี
Buffett บอกว่าเขารู้จัก Larry Page และ Sergey Brin อีกทั้งเขามีโอกาสจะถามคำถามหรือเรียนรู้ธุรกิจไฮเทคจากผู้ก่อตั้งทั้งสอง แต่เขาเป็นคนปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปเอง
คู่หูของ Buffett คือ Charlie Munger ก็ให้มุมมองแบบเดียวกันว่า สิ่งที่ Berkshire ทำผิดพลาดมากที่สุดก็คือการมองไม่เห็นศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจของ Google โดยเฉพาะโมเดลการขายโฆษณาบน search engine โดยตอนนั้น บริษัทลูกของ Berkshire อย่างบริษัทประกัน Geico จ่ายเงินซื้อโฆษณาในราคาแพงถึง 10-11 ดอลลาร์ต่อการคลิกหนึ่งครั้ง นั่นแปลว่า Berkshire มีข้อมูลมากมายว่าโมเดลโฆษณาแบบนี้มีอนาคต แต่บริษัทกลับมองข้ามไป
5 เสือแห่งโลกไอที บริษัทยุคใหม่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ
Buffett ยังกล่าวถึงกระแสในโลกธุรกิจยุคปัจจุบัน ที่บริษัทเทคโนโลยีมีขนาดใหญ่กว่าบริษัทในธุรกิจแขนงอื่น โดยตอนนี้บริษัทสัญชาติอเมริกันที่มีมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรก ล้วนเป็นบริษัทไอที ได้แก่ Apple, Alphabet, Microsoft, Amazon, Facebook ซึ่งมีมูลค่ารวมกันถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์
Buffett มองว่าโลกยุคปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิมมาก บริษัทไอทีเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนเยอะเหมือนกับบริษัทอุตสาหกรรมหนักที่เขาเคยลงทุนในวัยหนุ่ม
ผู้ถือหุ้น Berkshire ถาม Buffett ถึงสาเหตุที่เขาไม่ได้ลงทุนใน Amazon โดยเขายอมรับว่าโง่เขาเกินไป เขาไม่เคยสนใจหุ้น Amazon เลย แม้เขาจะเคารพและชื่นชมในตัวซีอีโอ Jeff Bezos อย่างมากก็ตาม เขาไม่คิดว่า Amazon จะลงมาทำธุรกิจคลาวด์แล้วประสบความสำเร็จอย่างสูง และถือเป็นการประเมินความสามารถในการดำเนินงานของ Amazon ต่ำเกินไป
มองหุ้น Apple ยังมีอนาคต
หุ้นอีกตัวที่ Buffett ไล่ซื้อเก็บในช่วงหลัง (เริ่มซื้อในปี 2016) คือ Apple ที่เป็นบริษัทไฮเทคอีกราย โดย Buffett ให้เหตุผลว่าฐานลูกค้าของ IBM กับ Apple มีความแตกต่างกัน จึงต้องมีกระบวนการวิเคราะห์ที่แตกต่างกัน เขายอมรับว่าผิดพลาดกับ IBM มาแล้ว และหวังว่าจะไม่ผิดพลาดกับ Apple อีก
Buffett อธิบายว่า Apple ดูเหมือนเป็นบริษัทเทคโนโลยี แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นบริษัทสินค้าสำหรับผู้บริโภค (consumer products company) ต่างหาก วิธีการมองจึงแตกต่างไปจาก IBM ที่เน้นขายสินค้าเทคโนโลยีให้ตลาดองค์กร
ข้อมูลจาก Fortune, Bloomberg, Fortune
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา