แม้ Netflix แทบจะครองตลาดบริการสมัครสมาชิกรับชมภาพยนตร์ Online หรือ Subscription Streaming Video on Demand (SVOD) แต่ก็ยังมีช่องว่างให้ผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาท้าทายเสมอ ล่าสุดคือ WarnerMedia
ไม่กลัวใครเพราะถือเนื้อหาดีๆ เอาไว้มากมาย
นอกจาก Netflix ที่เอาตัวเลขผู้สมัครสมาชิกไปซื้อภาพยนตร์ และซีรีส์ดังๆ มากมาย รวมถึงทุ่มทุนสร้างเองด้วย ทาง Disney ที่ถือสิทธิ์ภาพยนตร์ และการ์ตูนดีๆ ไว้จำนวนมากก็อยู่ระหว่างพัฒนาบริการดูหนัง Online เช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกที่ค่าย WarnerMedia จะใช้ประโยชน์จากลิขสิทธิ์ในมือมาเปิดบริการนี้บ้าง
เริ่มมันเริ่มต้นขึ้นหลัง AT&T ยักษ์ใหญ่ในวงการโทรคมนาคมสหรัฐอเมริกา ประกาศควบรวมกิจการกับกลุ่ม Time Warner ด้วยมูลค่ากว่า 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.77 ล้านล้านบาท) สำเร็จตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2561 และต้องการหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ จากสื่อความบันเทิงที่พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจรายนี้มีอยู่
สำหรับ Time Warner นั้นมีสื่อความบันเทิงในมือมากมายไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์, ซีรีส์, สารคดี และการ์ตูน ที่อยู่สิทธิ์ของชื่อบริษัทที่หลายคนรู้จักกันดีอย่าง Warner Bros., Turner Broadcasting และ HBO ซึ่งรายหลังนั้นเริ่มให้บริการ SVOD ไปก่อนหน้านี้แล้ว
John Stankey หัวหน้าฝ่ายธุรกิจใหม่ของ AT&T ยืนยันว่า บริการรับชมภาพยนตร์ Online ของบริษัทนั้นจะสามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นได้ ผ่านเนื้อหา และการใช้งานที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และบริการนี้จะเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2562
อย่างไรก็ตามตลาดบริการรับชมภาพยนตร์ Online ไม่ได้มีแค่ Netflix และ Disney แต่ยังมี Hulu, Amazon, Apple, Facebook และ YouTube ที่ต่างก็พัฒนาระบบเพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคมาใช้งานบริการรับชมสื่อบันเทิงบนโลก Online แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงในตอนนี้
สรุป
การแข่งขันของบริการรับชมภาพยนตร์ Online หรือดูหนังออนไลน์ นั้นยังแข่งขันกันสูง ผ่านผู้เล่นทั่วโลกกว่า 200 ราย และน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะผู้ให้บริการระดับท้องถิ่น แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ผู้เล่นอื่นๆ จะนำเสนอในรูปแบบฟรี ต่างกับ Netflix ที่ต้องสมัครสมาชิก เพราะจะหารายได้จากโฆษณาแทน
อ้างอิง // Japan Today
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา