ในช่วงที่เกิดโควิดระบาด หลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบหนักจนทำให้ธุรกิจปิดตัวกันหลายแห่ง แต่สิ่งหนึ่งที่คนให้ความสำคัญกันมากขึ้นก็คือการดูแลสุขภาพ ดังนั้น สินค้าหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจกันมากขึ้น และสินค้าที่คนหันมานิยมซื้อไปใช้งานกันมากขึ้นก็คือ Smartwatch
Smartwatch หรือนาฬิกาที่สามารถวัดจังหวะการเต้นของหัวใจ วัดชีพจร วัดความดันโลหิต ไปจนถึงนับก้าวเดินขณะที่ผู้ใช้งานเคลื่อนไหวได้ พบว่า 3 อันดับแรกที่เป็นแบรนด์ที่ขายดีก็คือ Apple, Samsung และ Garmin หรือ Huawei, Fitbit
ประเด็นเรื่องการใช้จ่ายเงินของคนหลังโควิดระบาดนั้น บริษัท Kantar Group ซึ่งเป็นหน่วยงานวิเคราะห์เกี่ยวกับแบรนด์ ธุรกิจ และข้อมูลทางการตลาด ได้เก็บข้อมูลจากทั่วโลกก็พบว่า ผลกระทบจากโควิดส่งผลให้คนเลิกใช้จ่ายเงินกับสิ่งต่างๆ แต่สมาร์ทวอทช์คือสินค้าที่คนยินดีที่จะควักเงินจ่ายเพื่อจะนำมาใช้งานกันมากขึ้น ซึ่งเหตุผลที่ทำให้คนอยากใช้ก็เพื่อจะนำมาดูแลสุขภาพตัวเองประมาณ 63% และยังมีอัตราการขายที่เติบโตขึ้น 7% ปีต่อปี
เหตุผลที่คนเลือกใช้สมาร์ทวอทช์ มักจะคิดถึงเรื่องแบรนด์ประมาณ 50% ขึ้นไป นอกนั้นก็คิดถึงเรื่องระบบปฏิบัติการ และฟังก์ชั่นของการใช้งานที่คนนิยมนำสมาร์ทวอทช์มาใช้งานมากที่สุดก็คือการนำมาตรวจเช็คสุขภาพ ซึ่งก็มีเกือบ 80% ที่คนนำมาใช้เพื่อนับก้าว สำหรับคนที่ไม่มีสมารทวอทช์ก็สามารถติดตั้งแอพลิเคชันเพื่อนับก้าวได้เช่นกัน
ความเชื่อผิดๆ เรื่องเดินให้ครบ 10,000 ก้าวต่อวันถึงจะสุขภาพดี
ความเชื่อที่มักเชื่อต่อๆ กันมาก็คือ หากเราต้องการให้สุขภาพดี เราต้องเดินให้ได้วันละ 10,000 ก้าว ซึ่งปัจจุบันมีงานวิจัยออกมาหลายชิ้นแล้ว พบว่า เราไม่จำเป็นต้องเดินให้ครบ 10,000 ก้าวก็สุขภาพดีขึ้นได้ แต่ถ้าต้องขุดให้ลึกว่าแนวคิด 10,000 ก้าวมาจากไหน?
ข้อมูลจากหลายแห่งพบว่า การเดินให้ครบ 1 หมื่นก้าวต่อวันเป็นกิมมิคทางการตลาด เพื่อโปรโมตสินค้า บางแห่งระบุว่าข้อมูลจำกัดและไม่ชัดเจนว่ามาจากไหน แต่ที่ยืนยันและอ้างอิงตรงกันก็คือ มีบริษัทแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ผลิตสินค้าเพื่อให้คนใช้นับก้าวตั้งแต่สมัยช่วงปี 1964 แล้ว
มีการผลิตเครื่องนับก้าวที่เรียกว่า Manpo-kei ขึ้นมา แปลว่า 10,000 ก้าว ทำให้คนเข้าใจว่า ควรจะเดินให้ได้ 10,000 ก้าวต่อวัน เพราะมันเป็นตัวเลขกลมๆ จำง่าย สามารถเอามาทำเป็นเป้าหมายได้ แต่ยังไม่พบข้อมูลการรับรองทางวิทยาศาสตร์ ส่วนการศึกษาล่าสุดแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือฝั่งยุโรปและอเมริกัน ดังนี้
เดินไม่กี่พันก้าว ก็สุขภาพดีขึ้นได้
Amanda Paluch นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัย Massachusetts Amherst วิเคราะห์ข้อมูลจากคนเกือบ 50,000 ราย จาก 4 ทวีป จากงานศึกษาประมาณ 15 ชิ้น พบว่า เราไม่จำเป็นต้องเดินให้มากถึง 10,000 ก้าวต่อวันถึงจะสุขภาพดี แค่เดินให้ใกล้เคียงระดับ 6,000 ถึง 8,000 ก้าวต่อวันก็เพียงพอแล้ว คำกล่าวที่ว่าเดินให้ได้ 10,000 ก้าวต่อวัน เป็นเพียงกิมมิคทางการตลาด ไม่มีผลงานทางวิทยาศาสตร์รองรับ
ทั้งนี้งานวิจัยจาก Medical University of Lodz ในโปแลนด์ได้ศึกษาข้อมูลที่เคยศึกษากันมาก่อนแล้ว 17 ชิ้นงาน จากการศึกษาผู้คนกว่า 2 แสนราย (226,889 ราย) ที่มีการประเมินผลกระทบทางสุขภาพจากการเดินนับก้าวต่อวันเฉลี่ย 7 ปี และงานศึกษาจากยุโรป ที่เผยแพร่ใน European Journal of Preventive Cardiology ให้คำแนะนำไว้ว่า ในแต่ละวันควรเดินอย่างน้อย 3,967 ก้าวต่อวันเพื่อลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตจากหลากหลายสาเหตุ หรือควรจะเดินอย่างน้อย 2,337 ก้าวต่อวันเพื่อลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจและหลอดเลือด
นักวิจัยจากโปแลนด์ยืนยันว่า ยิ่งเดินมากเท่าไร ยิ่งดีเท่านั้น ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยผู้หญิงและผู้ชายที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว หรือวัยทำงาน ไม่ได้อยู่ในช่วงสูงวัยถ้าเดินราว 7,000 ถึง 13,000 ก้าวต่อวันจะมีผลพัฒนาสุขภาพได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ถ้าอยู่ในวัย 60 ปีขึ้นไปให้เดินราว 6,000 ถึง 10,000 ก้าว
จำนวนก้าวที่ควรจะเดินนี้ก็จะขึ้นอยู่กับอายุและสภาพร่างกายด้วย ซึ่งงานวิจัยเหล่านี้ก็สอดคล้องกับการที่มีคำเตือนออกมาบอกว่า คนที่มีไลฟ์สไตล์แบบ Sedentary หรือคนที่ไม่ค่อยได้ขยับตัวในแต่ละวันจะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคภัยหรือสุขภาพแย่กว่าคนที่ออกกำลังกายบ่อยกว่า
สรุป เราควรจะมีการขยับตัวทุกวันและออกมาเดินอย่างน้อย 4,000 ก้าวขึ้นไป เพื่อทำให้สุขภาพดีขึ้นไม่เสี่ยงต่อโรคภัย หรือถ้าไม่มีเวลาจริงๆ แนะนำให้เดินอย่างน้อยวันละ 500 ถึง 1,000 ก้าว จะส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่าอยู่เฉยๆ เป็นเวลานานๆ
ที่มา – Kantar, Science Alert, Scientific American, The Guardian (1), (2), UMass Amherst
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา