ไวไวบุกทำตลาดด้วยมิวสิค มาร์เก็ตติ้ง เปิดตัวแคมเปญโค้งสุดท้ายของปี “ทำวันนี้ ทำไวไว” หวังให้ชื่อแบรนด์ติดปากกลายเป็น Generic Name เมื่อนึกถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ้าง
ไวไวเป็นคำติดปาก แต่ไม่ได้นึกถึงบะหมี่ฯ
เป็นที่ทราบกันดีว่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาท ได้ถูกครองตลาดด้วยผู้เล่นใหญ่อย่าง “มาม่า” กินมาร์เก็ตแชร์ไปกว่า 47-48% พร้อมกับพ่วงตำแหน่ง Generic Name หรือการที่ผู้บริโภคทั่วไปเรียกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแทนว่ามาม่าไปโดยปริยาย
ทีนี้เบอร์รองอย่าง “ไวไว” ที่มีมาร์เก็ตแชร์รวมทั้งแบรนด์ไวไว และควิกกว่า 22% นั้น ย่อมมีการน้อยอกน้อยใจกันบ้าง เพราะถึงแม้คำว่า “ไวไว” จะเป็นคำพูดติดปากของคนทั่วไปว่าทำงานไวไว หายไวไว หรือกินไวไว แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้นึกถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเลย
ทำให้ในปีนี้ไวไวต้องลุกขึ้นมาทำแคมเปญใหญ่ “ทำวันนี้ ทำไวไว” เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภค รวมถึงเป็นการสนับสนุนให้คนทำสิ่งที่ต้องการแบบไวไว
ยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด บอกว่า
“จริงๆ ไวไวไม่ใช่แบรนด์เบอร์หนึ่งในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จึงไม่ใช่ Generic Name แต่ก็พบว่าคำว่าไวไวเป็นคำพูดติดปากของคนทั่วไป แต่คนไม่ได้นึกถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเลย จึงต้องสร้างแคมเปญให้คนนึกถึงแบรนด์มากขึ้น ทั้งเป็นคำให้กำลังใจ และนึกถึงแบรนด์ว่าเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ต้องการให้คนนึกถึงไวไวมากขึ้น ให้เป็นแบรนด์สนุกๆ ให้กำลังใจ เช่น หายไวไว… ซึ่งเป็นคำพูดคำหนึ่งที่คนนึกถึง แม้จะไม่ได้เป็น Generic Name ในภาพใหญ่ แต่สร้างการรับรู้ในกลุ่มลุกค้าของไวไวก็พอแล้ว”
ลุยมิวสิค มาร์เก็ตติ้งจริงจังเป็นครั้งแรก
แคมเปญนี้ถึงเป็นการทำตลาดด้วยมิวสิค มาร์เก็ตติ้งอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกของไวไวก็ว่าได้ โดยได้ทำเพลง “ทำวันนี้ ทำไวไว” ได้นักแต่งเพลงรักมือหนึ่งในวงการอย่าง “บอย โกสิยพงษ์” มาแต่งเพลงนี้ และได้ “ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์” และวง ROOM39 มาเป็นผู้ถ่ายทอดบทเพลงนี้
ยสสรัลบอกว่า กลุ่มเป้าหมายของไวไวเป็นกลุ่มแมสที่มีทุกเจนเนอเรชั่นตั้งแต่ Baby Boomer, Gen X, Gen Y และ Gen Z แต่ส่วนใหญ่เป็น Gen Y และ Gen Z การใช้เพลงเป็นการสื่อสารที่เข้าถึงได้ง่ายคนไทยชอบฟังเพลงมากกว่าการอ่านสามารถจดจำไดเ้ดีกว่า
มีการคาดหวังว่าแคมเปญนี้จะทำให้ไวไวได้ใกล้ชิดผู้บริโภคมากขึ้น
จับกระแสบะหมี่เกาหลี ออกสินค้าจับตลาดพรีเมี่ยม
ภาพรวมตลาดในช่วง 6 เดือนแรกของปีมีการเติบโต 2-3% แต่ยังไม่ได้โตแบบหวือหวามาก เพราะด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปรับประทานอาหารอย่างอื่นมากขึ้นทดแทนการทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
โดยที่เทรนด์ของบะหมี่เกาหลีมาแรงอย่างมากในช่วง 2-3 ปี เป็นกระแสบนโลกออนไลน์ที่มีการแชร์กัน ทดลองทานกัน สร้างผลกระทบต่อตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่น้อยเลยทีเดียว
ทำให้ไวไวต้องมีการปรับตัวในการจับตลาดกลุ่มพรีเมี่ยมมากขึ้น รวมถึงจับกระแสของบะหมี่เกาหลี มีการปรับสูตร ปรับแพ็คเกจจิ้งใน 3 รสชาติ ได้แก่
- ไวไว ต้มยำกุ้งน้ำข้น สูตรพริกเผาชนิดชาม เส้นแบน เป็นแบบชามตัวแรกที่ออกแบบแมสทุกช่องทาง แต่ก่อนไวไวได้ออกแบบชาม 2 รสชาติ ขายเฉพาะช่องทางเซเว่นฯ เท่านั้น ซึ่งแบบชามเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงเพราะทานสะดวก เป็นการจับกระแสพรีเมี่ยมได้
- ไวไว รสหมูสับ (โฉมใหม่) มีการปรับแพ็คเกจจิ้ง และน้ำซุป
- ไวไว รสต้มยำสูตรดั้งเดิม หรือในโลกออนไลน์เรียกว่าไวไว ในตำนาน จริงๆ ได้ขายมา 20 ปีแล้ว แต่ไม่ได้ทำในตลาดไทย ในปีนี้จึงนำกลับมาขายในประเทศไทย
ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาไวไวมีการเติบโตที่เป็นไปตามเป้าที่ 5% หวังว่าสิ้นปีจะมีการเติบโตตามเป้าหมายเช่นกัน
สรุป
ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่มีการเติบโตที่หวือหวามาหลายปีแล้ว เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกไปทานอย่างอื่นมากขึ้น อีกทั้งยังมีตลาดบะหมี่เกาหลีเข้ามา ทำให้ผู้เล่นในไทยต่างต้องปรับตัวกันถ้วนหน้า ไวไวเองที่เป็นเบอร์รองก็ต้องงัดการตลาดรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา