การจะลงทุนอะไรสักอย่างหนึ่งจำเป็นต้องมีการศึกษาให้ดีก่อนเสมอ มีข้อมูลสนับสนุน มีการเช็คผลประกอบการ และอีกอย่างหนึ่งที่ควรตรวจสอบเลยก็คือความคุ้มค่าที่จะลงทุน บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ WACC ที่ช่วยเช็คความคุ้มค่าในการลงทุนให้คุณได้
WACC คืออะไร
WACC ย่อมาจาก Weighted Average Cost of Capital อธิบายง่ายๆ คือต้นทุนเฉลี่ยของการทำธุรกิจ มักใช้ในการเปรียบเทียบผลตอบแทนว่าการลงทุนนี้คุ้มค่าหรือไม่
โดยที่หากผลตอบแทนมากกว่าค่า WACC จะถือว่าคุ้มค่าน่าลงทุน แต่หากน้อยกว่าค่า WACC ก็จะคาดการณ์ได้ว่าธุรกิจนี้อาจจะไม่คุ้มค่าในการลงทุน
ต้นทุนการทำธุรกิจส่วนมากจากเป็นการลงทุนที่มาจากเงินของตัวเอง/ผู้ถือหุ้น กับ เงินที่มาจากการกู้ยืม ดังนั้นการหาค่า WACC จะเป็นการนำต้นทุนทั้งสองส่วนนี้เฉลี่ยกันไป
คำนวณ WACC
WACC = We*Ke + Wd*Kd *(1-T)
- We คือ ส่วนของผู้ถือหุ้น
- Ke คือ ผลตอบแทนคาดหวังของเจ้าของ
- Wd คือ หนี้สินที่มีดอกเบี้ย หรือ ต้นทุนของหนี้
- Kd คือ ต้นทุนหนี้สินจากการกู้ยืม
- T คือ ภาษีนิติบุคคล ของไทยอยู่ที่ 20%
ตัวอย่างการคำนวณ WACC
สมชายลงทุนเปิดร้านล้างรถด้วยเงิน 1,000,000 บาท ซึ่งมีเงินทุนของตัวเองอยู่ 600,000 บาท และมีเงินทุนจากการกู้ยืม 400,000 บาทดอกเบี้ย 5% สมชายอยากได้ผลตอบแทน 20% ต่อปี ภาษีนิติบุคคลอยู่ที่ 20%
หากนำมาแทนในสมการจะได้เป็น
WACC = [(400,000/1,000,000)*(5%)*(1-20%)+(600,000/1,000,000)*(20%)] = 13.6%
ดังนั้นหากธุรกิจนี้สามารถทำผลตอบแทนให้เราได้มากกว่า 13.6% เท่ากับว่าธุรกิจร้านล้างรถของสมชายจะถือว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจนั่นเอง
Source: Money Buffalo ,longtunman.com
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา