ในแวดวงธุรกิจไอที ชื่อของ เดอะแวลลูซิสเตมส์ จะเป็นที่รู้จักดีในฐานะผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์ไอที ถ้าผู้บริโภคทั่วไปจะเห็นสัญลักษณ์การรับประกันสินค้าไอทีจาก เดอะแวลลูซิสเตมส์ มาอย่างยาวนาน จนได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด มีการขยายธุรกิจอย่างเข้มข้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
และครั้งนี้ brand inside ได้มีโอกาสพูดคุยกับ สมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช CEO แห่ง VST ECS (ประเทศไทย) เกี่ยวกับทิศทางการทำธุรกิจและการปรับเปลี่ยนองค์กรภายในเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพตลาดมากขึ้น
ปัจจุบัน วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) เป็นบริษัทหนึ่งในเครือของวีเอสที อีซีเอสกรุ๊ป ประเทศฮ่องกง ผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอทีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายกว่า 48,000 รายกระจายอยู่ในประเทศจีน, ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, กัมพูชา, เมียนมาร์ และลาว
กว่า 30 ปีจากไอทีสู่ธุรกิจโซลูชั่น
สมศักดิ์ เล่าว่า VST ECS ทำธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าไอทีล้วนๆ มากว่า 30 ปี (เดอะแวลลูซิสเตมส์ ก่อตั้งเมื่อปี 2531) จนปัจจุบันได้ขยายธุรกิจเป็นไอทีโซลูชั่นให้บริการแบบครบวงจรผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ Consumer, Commercial, Solution และ Device and Lifestyle มีแบรนด์ชั้นนำระดับโลกกว่า 50 แบรนด์เพื่อให้บริการลูกค้า
สำหรับธุรกิจ Consumer ทาง VST ECS เน้นขยายออกต่างจังหวัด เพราะสินค้าไอทีกลายเป็นอุปกรณ์ปกติในชีวิตประจำวันไปแล้วทั้งการทำงานและการเรียน ดังนั้นโน้ตบุ๊ค, คอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต ต้องกระจายอย่างทั่วถึง ไม่ต่างจากโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นในทางธุรกิจจึงแข่งขันสูงและ VST ECS สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดมาได้
ส่วนธุรกิจ Commercial เป็นสินค้าไอทีสำหรับองค์กร กลุ่มเป้าหมายหลักของ VST ECS คือ SI ซึ่งมีทิศทางเช่นเดียวกับธุรกิจ Consumer นั่นคือ การขยายออกต่างจังหวัด เพราะไอทีไม่ได้จำกัดแค่ในเมืองใหญ่ แต่ธุรกิจทุกแห่งจำเป็นต้องใช้ไอที ขณะที่ธุรกิจ Solution จะเป็นโซลูชั่นครบวงจร ก็เป็นส่วนที่ VST ECS ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน
ธุรกิจต่อมาคือ Device and Lifestyle ซึ่งถือเป็นส่วนที่ขยายเพิ่มขึ้นมา อาจจะไม่ดูเป็นสินค้าไอทีแบบในอดีต เช่น มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า, IoT Device, Smartphone, อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง เน้นความเป็น Smart เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน ต่อยอดถึง Smart Office, Smart Home
วางระบบองค์กรใหม่ ยกระดับ VST ECS เป็น Smart Office
สมศักดิ์ บอกว่า ในธุรกิจ Device and Lifestyle มีเรื่องของ Smart Office อยู่ด้วย ทำให้ VST ECS ต้องยกระดับออฟฟิศด้วยโซลูชั่นแพลตฟอร์มทั้งหมด เพื่อให้สามารถบริหารจัดการระบบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องประหยัดพลังงาน และพนักงานทำงานได้ดีขึ้น เรียกว่าเป็นการเริ่มต้นที่ตัวเอง โดยที่ VST ECS จะเป็นเหมือนโชว์เคสไปในตัว ถ้าอยากดู Smart Office มาที่ VST ECS ได้เลย
นอกจาก Smart Office แล้ว ระบบการทำงานภายในก็ต้องเปลี่ยน มีการทำ Data Tranformation ใหม่ทั้งหมด เรียกว่าเป็นการบริหารจัดการฐานข้อมูลเพื่อให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้น ถูกต้องและแม่นยำ ทำระบบ Power BI ใหม่ ซึ่งเสร็จไปกว่า 70% แล้ว
รวมถึงมีการวางระบบ VPN เพื่อความปลอดภัยให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้ รองรับการทำงานได้ 300 คนในเวลาเดียวกัน จากพนักงานกว่า 600 คน และแน่นอนว่ามีการวางระบบ Network Security ป้องกันการโจมตีจากภายนอก อบรมพนักงานป้องกันความผิดพลาดจากภายใน
“สิ่งที่พิเศษคือ VST ECS เริ่มทำทั้งหมดมาตั้งแต่ก่อนโควิด ดังนั้นองค์กรและพนักงานจึงปรับตัวรับกับสถานการณ์โควิดได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่ามีผลกระทบทางธุรกิจแต่ในภาพรวมยังไปในทิศทางที่ดี”
Data Transformation หัวใจสำคัญธุรกิจยุคใหม่
อย่างที่หลายคนรู้ว่า ข้อมูล คือ หัวใจสำคัญของธุรกิจยุคใหม่ แต่จะนำข้อมูลมาใช้อย่างไร จะวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว หรือไม่ ซึ่งยอมรับว่าแต่เดิมข้อมูลทั้งหมดของ VST ECS ดึงมาใช้งานยาก นำมาใช้ประโยชน์ยาก แต่หลังจากทำ Data Tranformation ภายใน ทำให้การทำงานง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถทำได้แบบ online real time สามารถเปรียบเทียบย้อนหลังได้ ดูข้อมูลได้ทันที และเริ่มทำตั้งแต่ก่อนโควิด ทำให้เมื่อเกิดโควิดขึ้น ก็สามารถปรับตัวรับกับสถานการณ์ได้
จากนี้ สิ่งที่ต้องเสริมคือ การทำ Data Analytics ที่ต้องการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ทำให้ Data กลายเป็น Infomation ต้องวิเคราะห์ สามารถเห็นข้อมูลทุกอย่างในระบบของทุกคนได้ทันที ทำให้ผู้บริหารสามารถมองเห็นภาพรวมและตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ยิ่ง VST ECS มีการกระจายอำนาจการตัดสินใจไปยังผู้บริหารระดับรองเพื่อความคล่องตัว การเข้าถึงข้อมูลจะยิ่งสำคัญและจำเป็นมาก การวิเคราะห์จะทำให้เห็นประสิทธิภาพการทำงาน การใช้งบประมาณจากทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ
การพัฒนา “คน” ความท้าทายที่กำลังมาถึง
อย่างที่รู้ว่าความท้าทายขององค์กรยุคใหม่คือ การบริหารคน ยิ่งตอนนี้มีคนหลากหลายเจนเนอเรชั่นอยู่ในองค์กรเดียวกัน การประสานงานให้คนทุกช่วงอายุสามารถทำงานร่วมกันได้ จะเป็นหนึ่งในปัจจัยไปสู่ความสำเร็จ
สมศักดิ์ บอกว่า ส่วนสำคัญคือ ต้องบริหารการใช้อำนาจ บริหารทีมงาน และต้องรับฟังความคิดเห็น ที่ VST ECS ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาคนเป็นอันดับ 1 เห็นได้จากการขยายธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งต้องอาศัยการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ มีการตั้งคณะกรรมการร่วมกันตัดสินใจกฎระเบียบภายในองค์กรร่วมกัน โดยยึดหลักวัฒนธรรมองค์กร
- Sincerity : จริงใจในสิ่งที่ทำ
- Unity : รวมพลังเป็นหนึ่ง
- Professional: ทำงานอย่างมืออาชีพ
- Positive Thinking : คิดบวกเชิงสร้างสรรค์
- Ownership Spirit : เป็นเจ้าของร่วมกัน
- Digital : ความเป็นดิจิทัล
นอกจากนี้ VST ECS ยังจ้าง HR Development เพื่อสร้าง Career Path ภายในองค์กร ทุกคนต้องเห็นเส้นทางอาชีพของตัวเอง มีการพัฒนา Course ฝึกอบรมเพื่อให้พนักงานพัฒนาทักษะของตัวเองและมองเห็นโอกาสเติบโตในการทำงาน
สิ่งที่แตกต่างจากองค์กรอื่นคือ การมี Succesion Planning หรือแผนการหา CEO คนใหม่ภายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งตอนนี้ถึงปีที่ 3 แล้ว แสดงให้เห็นว่า VST ECS มีความเป็นมืออาชีพ และทำให้ทุกคนเห็นว่าใครก็มีโอกาสขอให้มีความสามารถ มีความเป็นผู้นำ ก็สามารถเป็น CEO ขององค์กรได้
เร่งพัฒนาธุรกิจ Smart, Platform และ IoT
จาก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก จะเห็นได้ว่า VST ECS ขยายในส่วนธุรกิจ Device and Lifestyle มากขึ้น เตรียมพัฒนา Smart Home Smart Office เพื่อทำตลาดในปีนี้อย่างเป็นรูปธรรม ด้าน IT Solution จะพัฒนาทั้ง Security, Network และ IoT ไปควบคู่กัน เพราะเห็นแล้วว่า การเชื่อมต่อและความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญ และทั้งหมดเชื่อมการทำงานผ่านแพลตฟอร์มที่บริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะ ห้องประชุมอัจฉริยะ, ที่จอดรถอัจฉริยะ ฯลฯ ต้องทำงานร่วมกัน
“Smart Home แทบทุกบ้านมีอินเทอร์เน็ต ควบคุมพลังงานต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์ม สามารถดูได้ว่าการใช้พลังงานในบ้านเป็นอย่างไร จะจับมือพันธมิตรเจาะตลาดอสังหาริมทรัพย์ มีทั้งแบบราคาต่ำไปถึงราคาสูง มีการใช้ IoT Device, หลอดไฟ ก๊อกน้ำ นาฬิกา หูฟัง เครื่องดูดฝุ่น แอร์ ตู้เย็น ทีวี เครื่องฟอกอากาศ และเชื่อมต่อกันผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งมีการพัฒนาร่วมกับ Startup ที่ทำด้านนี้โดยเฉพาะ”
สมศักดิ์ บอกว่า ทิศทางของธุรกิจและของ VST ECS ชัดเจน บุคลากรมีความพร้อม ดังนั้นเป้าหมายการเติบโตมากกว่า 10% จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่ก็ต้องดูสถานการณ์แวดล้อม เช่น โควิด, การเมือง และตลาดโดยรวมด้วย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา