Volvo คือหนึ่งในแบรนด์รถยนต์เก่าแก่ และมีประวัติยาวนานในประเทศไทย ผ่านความนิยมอย่างมากในช่วง 20-30 ปีก่อน แต่ปัจจุบันแบรนด์รถยนต์จากสวีเดนนี้เป็นอย่างไรบ้างล่ะ หลังล่าสุดได้ตัดสินใจทำตลาดรถยนต์แค่ 5 รุ่น
SUV กับอนาคตของแบรนด์ Volvo
ตอนนี้กระแสรถยนต์ SUV มาแรงมากจริงๆ สังเกตจากแบรนด์ญี่ปุ่น, ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ต่างหันมาพัฒนารถยนต์ประเภทนี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกันทั้งหมด ซึ่ง Volvo เองก็มีความพยายามที่จะเจาะตลาดนี้เช่นกัน เพราะช่วงปลายปี 2560 ก็เปิดตัว XC40 รถ SUV น้องเล็กที่เข้ามาเติมเต็มกลุ่ม SUV ของแบรนด์
สำหรับในประเทศไทยนั้น Volvo ก็เร่งทำตลาดรถยนต์รุ่นนี้อย่างมาก ผ่านการนำเข้ามาทำตลาดที่นี่เมื่อช่วงเดือนก.ย. 2561 พร้อมราคาเริ่มต้นเพียง 2.09 ล้านบาท และกิจกรรมทางการตลาดมากมาย เพื่อกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อหันมาจับจองรถยนต์ของ Volvo แทนที่จะเป็น SUV ขนาดเล็กของแบรนด์อื่น
ยิ่งไปกว่านั้น Volvo ประเทศไทยยังเดินเกม SUV เต็มที่ ผ่านการคง XC40, XC60 และ XC90 ไว้เพื่อทำตลาดเป็นหลัก พร้อมกับลดรุ่น Estate และ Sedan เหลือเพียง V90 และ S90 เท่านั้น ถ้านับง่ายๆ ก็คือปัจจุบัน Volvo ประเทศไทยทำตลาดรถยนต์ 5 รุ่น เป็น SUV 3 รุ่น และ Estate กับ Sedan อย่างละรุ่น
ยอดขายหลักมาจาก SUV และน่าจะเป็นไปอีกนาน
ก่อนหน้านี้ คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้แจ้งเอาไว้ว่า ยอดขายหลักของแบรนด์ในประเทศไทยมาจากกลุ่ม SUV เป็นหลักมาช่วงหนึ่งแล้ว จากในอดีตเคยมาจาก Sedan ยิ่งการมาถึงของ XC40 ก็ทำให้ยอดขายจาก SUV มาขึ้นไปอีก
สำหรับยอดขาย Volvo ประเทศไทยในปี 2561 อยู่ที่ 1,292 คัน เพิ่มขึ้น 13% คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดรถยนต์หรูระดับพรีเมียมในไทย 4.2% ส่วนรุ่นที่จำหน่ายได้มากที่สุดปีนั้นคือ XC60 ตามมาด้วย XC90 และ S90 ซึ่งจากการเดินกลยุทธ์นี้ยังทำให้ยอดขาย Volvo ประเทศไทยเติบโต 50% เมื่อนับตั้งแต่ 2559-2561
เมื่อ Volvo ประเทศไทยตัดสินใจเดินเกมแบบนี้ จึงเชื่อว่ายอดขายหลักน่าจะมาจากรถยนต์แบบ SUV ไปอีกระยะหนึ่งแน่นอน เพราะตัวรถตระกูล Estate ที่ Volvo ค่อนข้างทำได้ดีในต่างประเทศนั้นอาจไม่ถูกใจคนไทยเท่าไรนัก ประกอบกับฝั่ง Sedan ก็แข่งขันกันหนัก ดังนั้น SUV อาจเป็นคำตอบสุดท้ายในการทำตลาดที่ไทย
ปลอดภัย-ยั่งยืน-อิสรภาพส่วนบุคคลคือแนวคิดหลัก
นอกจากกลยุทธ์ทางการตลาด และการตัดรถยนต์ที่จะทำตลาดเหลือ 5 รุ่นแล้ว Volvo ยังคงแนวคิดการสร้างสรรค์รถยนต์แต่ละคันไว้เหมือนเดิมคือ ปลอดภัย, ยั่งยืน และเป็นอิสรภาพส่วนบุคคล โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยที่แทบจะเป็นสิ่งแรกที่ผู้บริโภคนึกถึงแบรนด์รถยนต์จากสวีเดนรายนี้
หากอธิบายถึงแต่ละข้อนั้น ความปลอดภัย ก็มีทั้งตัวเข็มขัดนิรภัย 3 จุดรายแรกของโลก และเทคโนโลยีล้ำๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนความยั่งยืนนั้นทางแบรนด์ก็เร่งทำตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน โดยเฉพาะการใช้งาน Pure Mode ในรถยนต์แบบ Plug-in Hybrid และเรื่องอิสรภาพส่วนบุคคลก็เป็นเรื่องการออกแบบที่เหมาะสมกับทุกเวลา
ทั้งนี้เพื่อการสื่อสารข้อมูลดังกล่าวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น Volvo จึงจัดกิจกรรม The Volvo Way: Freedom to Experience เพื่อให้ผู้สนใจรถ Volvo ได้รับรู้ถึงสมรรถนะผ่านการทดสอบการขับขี่รูปแบบใหม่ระหว่างวันที่ 9 – 19 พ.ค. เวลา 11.00 – 22.00 น. ด้านหน้าห้างเซ็นทรัลชิดลม
สรุป
ไม่ใช่ง่ายๆ เลยที่ Volvo จะกลับมามีพื้นที่ในตลาดรถยนต์หรูระดับพรีเมียมในประเทศไทย เพราะ 2 แบรนด์คู่แข่งอย่าง Mercedes-Benz และ BMW ก็เร่งทำตลาดจนทิ้งห่างไปไกล ดังนั้น Volvo จึงเป็นเพียงตัวเลือกของผู้ซื้อที่ต้องการความปลอดภัย รวมถึงราคาที่ถูกกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสมรรถนะที่ได้
แต่ถึงอย่างไรเชื่อว่าการเร่งทำตลาด และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนรุ่นใหม่มากกว่าเดิม ก็น่าจะช่วยเร่งเครื่องให้ Volvo สามารถติดตลาดได้ในระยะยาว ยิ่งตัวบริษัทมีแผนเดินหน้ารถยนต์ไฟฟ้าเต็มที่ เรื่องนี้ก็น่าจะช่วยให้ Volvo มีที่ยืนในตลาดได้ดีกว่าในอดีตเช่นกัน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา