เป็น Smartphone จากจีนที่ทำตลาดอย่างหนัก โดยเฉพาะช่องทาง Traditional Media ทำให้ Vivo ขึ้นมามีบทบาทในไทย แถมครองเบอร์ 3 ในตลาดจีนได้ และเตรียมนำกลยุทธ์นี้ออกไปทำตลาดยุโรปด้วย
เกมใหม่จากแค่ Emerging Market
แม้เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2552 แต่ Vivo ก็สามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในเบอร์ต้นๆ ของตลาด Smartphone ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตลาดในประเทศจีนที่ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 3 แล้ว ซึ่งก้าวต่อไปของบริษัทก็คือการบุกตลาดยุโรปเต็มตัว โดยส่งรุ่น Flagship ไปที่ตลาดรัสเซีย และเข้าไปทำตลาดประเทศใกล้เคียงเช่นสิงคโปร์ และไต้หวัน
นอกจากนี้ Vivo เองยังเตรียมส่งรุ่น X20 เข้าไปทำตลาดในฮ่องกง รวมถึงแถบแอฟริกาอีกด้วย ถือเป็นการก้าวข้ามความท้าทายเดิมๆ เช่นกัน ที่สำคัญการออกไปทำตลาดในต่างประเทศครั้งนี้ Vivo ยังนำจุดเด่นเดิมๆ คือใส่คุณสมบัติระดับ High-End แต่ทำราคาออกมาให้เอื้อมถึงได้ทุกระดับ ซึ่งสำเร็จมาแล้วในตลาดจีน
อย่างไรก็ตามการออกไปทำตลาดในประเทศที่พัฒนาแล้วก็ไม่ง่าย เพราะ Huawei ก็เข้าไปปูพรมมาระดับหนึ่งแล้ว ประกอบกับ Samsung และ Apple ก็ยังครองตลาดอยู่ อย่างเช่นที่รัสเซียแค่สองแบรนด์นี้ก็กินเกือบ 50% ของตลาดแล้ว แต่ทาง Vivo ก็ยังยืนยันที่จะใช้กลยุทธ์บ้านๆ เหมือนเดิมในการเพิ่มยอดขาย
นั่นคือการเน้นช่องทางหน้าร้าน มากกว่าการไปรุกตลาดออนไลน์ เพราะปัจจุบันออนไลน์มีการแข่งขันค่อนข้างสูง และการใช้ Traditional Media ก็ทำให้ผู้บริโภคเห็น และรู้สึกร่วมไปกับแบรนด์ อย่างที่ Vivo ทำในประเทศไทยด้วยการดึง “อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยในระดับโลกนั้น Vivo ก็เป็นสปอนเซอร์ของฟุตบอลโลกด้วย
สำหรับบิ๊กโฟร์ในตลาดมือถือจีนอย่าง Huawei, Oppo, Vivo และ Xiaomi ต่างใช้กลยุทธ์ที่ต่างกันในการทำตลาดต่างประเทศ โดย Huawei เน้นที่การทำราคาสูง แต่มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัย รวมถึงเน้นทำตลาดในประเทศพัฒนาแล้ว เช่นเยอรมัน และสเปน ส่วนรายอื่นกลับเน้นที่ตลาดเกิดใหม่มากกว่า และชูราคาที่เข้าถึงได้
อ้างอิง // Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา