ปัจจุบัน ระบบจ่ายเงินออนไลน์สำหรับร้านค้าต่างก็มีโลโก้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายใหญ่, PayPal หรือแม้กระทั่งบริการจากบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Google Pay, Apple Pay
ล่าสุด Visa และ Mastercard ผู้ให้บริการเครือช่ายบัตรเครดิตรายใหญ่สองรายประกาศว่าทั้งสองบริษัทจะรวมระบบ Visa Checkout และ Masterpass เป็นปุ่มจ่ายเงินเพียงปุ่มเดียว หลังจากนั้น American Express หรือ Amex และ Discover ก็ประกาศร่วมโครงการนี้ด้วย
เป้าหมายของการรวมกลุ่มผู้ให้บริการบัตรต่าง ๆ เข้าด้วยกัน คือจะทำให้การซื้อสินค้าออนไลน์เป็นเรื่องที่สะดวกและง่ายขึ้น ผู้ใช้สามารถจ่ายเงินได้เพียงไม่กี่คลิก ซึ่งนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า การร่วมมือระหว่างผู้ให้บริการบัตรถือเป็นการแข่งขันโดยตรงกับ PayPal และอาจเป็นความเสี่ยงในการเติบโตของ PayPal ในอนาคตได้ด้วย
บริการ Masterpass ซึ่งเป็นระบบจ่ายเงินของ Mastercard นั้นออกมาตั้งแต่ปี 2012 ส่วน Visa Checkout ซึ่งเป็นระบบจ่ายเงินของ Visa ออกมาตั้งแต่ปี 2014 แต่บริการทั้งสองก็ยังไม่สามารถสู้กับ PayPal ได้แม้แต่นิดเดียว โดยจากผลสำรวจผู้ค้าออนไลน์เมื่อปีที่แล้วพบว่า 58% ของผู้ค้ารองรับ PayPal และในปีนี้ยังมีแผนที่จะรองรับอีกมาก (ผลสำรวจนี้จัดทำโดยมีเงินสนับสนุนจาก PayPal บางส่วน) ในขณะที่ฝั่ง Visa Checkout และ Masterpass มีผู้ค้าออนไลน์ใช้บริการเพียง 26% และ 16% ตามลำดับ
ระบบปุ่มจ่ายเงินแบบใหม่จากผู้ให้บริการบัตรนั้น จะใช้เทคโนโลยีโทเคน ซึ่งจะช่วยยกระดับความปลอดภัยในการใช้จ่ายออนไลน์ คือแทนที่จะใช้เลขบัตรจริง ๆ ก็เปลี่ยนเป็น digital ID แทน และยังเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ให้บริการที่จะต้องตัดเงินในบัตรซ้ำ ๆ อย่างเช่น Netflix ด้วย เพราะแทนที่จะต้องเก็บข้อมูลบัตรลูกค้าไว้ พอลูกค้าเปลี่ยนบัตรก็ต้องมาอัพเดตบัตรใหม่ การใช้เทคโนโลยีใหม่ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้นเพราะว่าถ้าลูกค้าเปลี่ยนบัตรก็สามารถเปลี่ยนได้ในที่เดียว ไม่ต้องไปคอยอัพเดตบัตรตามบริการต่าง ๆ
นอกจากการทำระบบเองแล้ว Visa และ Mastercard เผยว่าทางบริษัทพร้อมที่จะทำงานร่วมกับ World Wide Web Consortium (W3C) ผู้ออกมาตรฐานสำหรับอินเทอร์เน็ตเบราว์เซอร์ด้วย เพื่อสร้างมาตรฐานการชำระเงินออนไลน์สำหรับเบราว์เซอร์ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวทางทั้ง Visa และ Mastercard ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องชื่อ รวมถึงหน้าตาของปุ่มก็ยังไม่ได้ถูกออกแบบมาแต่อย่างใด ซึ่งตอนนี้ระบบยังคงอยู่ระหว่างการพัฒนาและน่าจะพร้อมใช้งานจริงปลายปีนี้
ที่มา – Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา