อ่านเกม Virtual Prepaid Card ผ่านสายตา “ธนชาต” ธนาคารในไทยรายเดียวที่ให้บริการนี้

Virtual Prepaid Card หรือบัตรเติมเงินเสมือน คือบริการใหม่ที่ใช้ชำระเงินทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ผ่านการร่วมมือของผู้ให้บริการ E – Wallet, เจ้าของบัตรเครดิต และธนาคารผู้ออกบัตร ซึ่งตอนนี้มี ธนชาต รายเดียวที่ออกบัตรนี้ ทั้งๆ ที่ธนาคารอื่นก็ทำได้ แล้วบริการนี้มันมีโอกาสทางธุรกิจแค่ไหน ลองมาหาคำตอบไปด้วยกัน

tbank
ปริญญา จินันทุยา ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจการชำระเงิน และร้านค้ารับบัตร ธนาคารธนชาต

3 ปี 1.3 ล้านใบ ถือว่าเร็วมากกับเรื่องใหม่

ปริญญา จินันทุยา ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจการชำระเงิน และร้านค้ารับบัตร ธนาคารธนชาต เล่าให้ฟังว่า ที่ Virtual Prepaid Card เกิดขึ้นมาได้ เพราะผู้ให้บริการ E – Wallet อยากยกระดับการใช้งานของ User ในระบบที่ต้องการซื้อสินค้าออนไลน์ได้เต็มรูปแบบ และการสร้าง Virtual Prepaid Card ซึ่งมีรูปแบบเหมือนบัตรเครดิต โดยใช้ Source of Funds (แหล่งเงิน) จากเงินใน E – Wallet ก็เป็นวิธีที่ตอบโจทย์ จึงเกิดความร่วมมือขึ้นมา และเริ่มต้นในปี 2556 ผ่าน E – Wallet เจ้าแรกที่ทำคือ mPay

“ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทำไมมีธนชาตทำแค่แบงก์เดียว ทั้งๆ ที่แบงก์อื่นก็ทำได้ แต่พอมีการติดต่อมา เราก็เร่งมือเชื่อมต่อระบบกับ Master Card ที่พร้อมเดินหน้ากับเทคโนโลยีใหม่ และถึงตอนนี้ก็มี E – Wallet มาร่วมกับเรา 5 รายแล้ว คือ mPay, Paysbuy, True Wallet, Deep Pocket และ Airpay โดยรวมทั้งหมดก็มีการเปิดใช้งาน Virtual Prepaid Card แล้ว 1.3 ล้านใบในระยะเวลาเพียง 3 ปี และมีค่าใช้จ่าย 300 – 400 บาท/ครั้ง ถือเป็นการเติบโตที่เร็วมาก และคิดว่าปีหน้าก็น่าจะเติบโตกันมากกว่านี้อีก”

ภาพจาก pixabay.com
ภาพจาก pixabay.com

ปลดล็อคบัตรเครดิต เดินหน้า Cashless Society

อย่างไรก็ตามการเติบโตของ Virtual Prepaid Card มาจากการเป็นบริการที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ที่มี และไม่มีบัตรเครดิตได้ โดยกลุ่มที่ไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถซื้อสินค้า และบริการออนไลน์ได้ทันที เพียงเติมเงินเข้าไปใน E – Wallet ส่วนฝั่งผู้มีบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตก็ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความกังวลในการซื้อสินค้า และบริการออนไลน์ เพราะแทนที่จะนำบัตรเครดิตที่วงเงินสูงไปใช้งาน หรือบัตรเดบิตที่ผูกกับเงินในบัญชีก็ใช้เติมเงินเข้า E – Wallet ไปใช้งานแทน เพราะตอนนี้คนไทยมีบัตรเครดิตถึง 20 ล้านใบ และบัตรเดบิต 40 ล้านใบ

ขณะเดียวกันบัตร Virtual Prepaid Card ก็สามารถใช้งานกับเครื่องรับชำระเงิน (EDC) เพื่อซื้อสินค้าตามที่ต่างๆ ได้ด้วย นอกจากนี้ทางผู้ให้บริการ E – Wallet ยังเตรียมพัฒนาระบบให้เข้ามาใช้กับ Samsung Pay หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ชำระเงินผ่านคลื่นแม่เหล็กได้ จึงเป็นการเพิ่มศักยภาพในการเดินหน้าประเทศไทยสู่ Cashless Society อย่างสมบูรณ์แบบ ผ่านการที่คนไทยไม่จำเป็นต้องพกเงินสดอีกต่อไป เพียงเติมเงินเข้า E – Wallet เปิดใช้งานบัตรดังกล่าว ก็สามารถชำระค่าสินค้า และบริการ รวมถึงเรื่องอื่นๆ ได้ทันที

ภาพจาก pixabay.com
ภาพจาก pixabay.com,

Cross – Selling ก็เกิดได้ถ้านำนวัตกรรมมาช่วย

ปริญญา ตอกย้ำว่า ทาง ธนชาต มีการสรรหานวัตกรรมใหม่เข้ามาพัฒนาธุรกิจโดยตลอด รวมถึงหาพาร์ทเนอร์เพื่อต่อยอดบริการใหม่ไปด้วยกัน ดังนั้นการเป็นธนาคารรายเดียวที่ให้บริการ Virtual Prepaid Card ก็ช่วยสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภครู้จักมากขึ้น เพราะในทุกบัตรจะมีสัญลักษณ์ธนาคารธนชาตอยู่ สุดท้ายการทำแบบนี้ก็จะเกิดการ Cross – Selling หรือการขายบริการอื่นๆ เพิ่มเติม โดยตัวอย่างที่ดีคือ บัญชีฟีเวอร์ ที่สามารถเติมเงินเข้า E – Wallet ได้ฟรี ต่างจากการเติมเงินด้วยวิธีอื่นที่อาจเสียค่าธรรมเนียม

“ทุกอย่างมันคือโอกาสทางธุรกิจ ถ้าเราไปทางดิจิทัลได้ดี การต่อยอด และพัฒนานวัตกรรม รวมถึงหาพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ก็ช่วยสร้างการเติบโตให้กับธนาคาร แต่เราคงไม่ได้ไปเจาะกลุ่มบริการนาโนไฟแนนซ์ เพราะทางธนาคารจะเน้นเรื่องสินเชื่อรายใหญ่มากกว่า และคิดว่านาโนไฟแนนซ์น่าจะเหมาะสมกลุ่มนอนแบงก์มากกว่า ซึ่งก็มีโอกาสที่กลุ่ม E – Wallet จะมาให้บริการนี้ได้ เนื่องจากรู้ข้อมูลการใช้เงินของแต่ละบุคคล และสามารถคาดการณ์กำลังผ่อนจ่ายได้ ซึ่งตอนนี้ในไทยก็มีรายหนึ่งที่เปิดให้ยืมเงินระหว่างผู้ใช้งานได้”

สรุป

Virtual Prepaid Card คืออีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่ที่น่าจะเข้ามาปฎิวัติวงการการเงินในประเทศไทย แต่ก็ต้องอยู่ที่การโปรโมทของเจ้าของ E – Wallet แต่ละรายด้วย ว่าจะจูงใจผู้บริโภคได้แค่ไหน ซึ่ง Brand Inside มองว่า ปีหน้าคงมีผู้เล่นรายอื่นทำบริการแบบนี้อีก แต่คงยังไม่มาแชร์ตลาดนี้เยอะมาก เพราะโอกาสประเทศไทยมีถึงเกือบ 70 ล้านคน แต่บัตรนี้มีเพียง 1.3 ล้านใบ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา