VinFast เตรียมบุกตลาดอาเซียนเต็มตัว มาทั้งรถยนต์ไฟฟ้า และจักรยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมท้าชนแบรนด์จีน

VinFast กางแผนบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เต็มตัว หลังเริ่มที่สหรัฐอเมริกา และมีแผนไปยุโรป พร้อมท้าชนแบรนด์จีนที่กำลังสร้างฐานให้มั่นคงในภูมิภาคนี้ รวมถึงเตรียมจำหน่ายจักรยานยนต์ไฟฟ้าอีกกว่า 8 รุ่น แต่ยังไม่ระบุประเทศ และช่วงเวลาที่จะเริ่มทำตลาด

VinFast

VinFast กับการบุกตลาดอาเซียน

สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า VinFast แบรนด์รถยนต์อันดับหนึ่งของเวียดนาม เตรียมทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนอย่างเป็นทางการ หลังเริ่มต้นจำหน่ายในประเทศเวียดนามมาระยะหนึ่ง และเพิ่งเริ่มต้นทำตลาดในสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีแผนบุกตลาดยุโรปในอนาคต

สำหรับการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน VinFast มีความจำเป็นต้องลงทุนเรื่องการผลิตใหม่ เพราะภูมิภาคนี้ประเทศส่วนใหญ่ใช้รถยนต์พวงมาลัยขวา แต่บริษัทยังไม่มีการระบุช่วงเวลา และประเทศที่จะเริ่มต้นทำตลาด โดยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทย และอินโดนีเซีย คือประเทศสำคัญของตลาดรถยนต์ในภูมิภาคนี้

แม้จะไม่ระบุรายละเอียดข้างต้น แต่ VinFast ยืนยันว่า บริษัทจะทยอยปรับเปลี่ยนข้างพวงมาลัยของรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 4 รุ่นที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน และจะนำจักรยานยนต์ไฟฟ้า 8 รุ่น เข้าไปทำตลาดเพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ที่สำคัญรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำตลาดจะมีรุ่นที่รองรับการวิ่งในระยะไกล และได้รับมาตรฐานความปลอดภัย NCAP 5 ดาว

รถยนต์ไฟฟ้าอาเซียนที่มีจีนครองตลาด

ถึง VinFast จะแข็งแกร่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเวียดนาม แต่ปัจจุบันที่เวียดนาม และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนกำลังถูกรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนบุกตลาด และมีการตั้งโรงงานผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำตลาดเช่นกัน จึงไม่ง่ายเลยที่ VinFast จะประสบความสำเร็จเหมือนที่เคยทำได้ในเวียดนาม

ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเวียดนามกำลังถูกแบรนด์จีนทั้ง BYD และ Hongguang Mini EV รถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมของจีนที่มีราคาเพียง 4,500 ดอลลาร์ แม้การเข้ามาขายในเวียดนามอาจมีราคาแพงขึ้น แต่เดือน เม.ย. 2023 VinFast เพิ่งเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาถูกที่สุดของแบรนด์ในราคา 23,000 ดอลลาร์

VinFast กับแผนเข้าจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ VinFast มีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่สหรัฐอเมริกาด้วยวิธีควบรวมกิจการในตลาด หรือ SPAC ในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 ทำให้บริษัทมีความจำเป็นต้องเร่งทำกำไรให้ได้ตั้งแต่ปี 2025 จากปัจจุบันที่ขาดทุนต่อเนื่อง ทั้งต้องถึงจุดคุ้มทุนภายใน 2 ปีจากนี้ ส่วนรีวิวการใช้งานจากสื่อในสหรัฐอเมริกากลับไม่เป็นที่น่าพอใจนัก

อ้างอิง // Nikkei Asia

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา