การโพสต์ภาพเคลื่อนไหว หรือ Video กลายเป็น Feature เบื้องต้นของ Social Network ในปัจจุบัน ทำให้ผู้เล่นรายใดที่ใช้ Feture นี้เป็น Theme หลักในการให้บริการ ก็จะเจอการแข่งขันที่สูง และเมื่อเวลาผ่านไปก็คงต้องมีบางรายที่ออกจากตลาด
คนแรกคือ Vine ถัดไปคือใคร
เว็บไซต์ Engadget รายงานว่า วันนี้ (28 ต.ค.) Twitter (ทวิตเตอร์) เจ้าของ Vine หนี่งใน Social Network ที่เปิดให้ผู้ใช้งานโพสต์ภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ และเริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2556 ตัดสินใจหยุดให้บริการ Social Network ตัวนี้ เนื่องจากต้องแข่งขันกับเจ้าตลาดอย่าง Instagram ที่เปิดให้โพสต์ภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ ได้ กับ Snapchat แพลตฟอร์มสื่อสารผ่าน Video สั้น ที่กำลังมาแรงในขณะนี้
หลังจากการประกาศนี้ Vine จะหยุดให้บริการผ่าน Application ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ทันที ส่วนบนเว็บไซต์ vine.co จะยังให้บริการอยู่ แต่จะแสดงเพียง Video Clip ที่โพสต์ไว้ก่อนหน้า แต่ไม่สามารถโพสต์ภาพเคลื่อนไหวใหม่ๆ เข้าไปได้ และคาดว่า Vine จะกลายเป็นอีกบริการเสริมของ Twitter เพื่อสร้างความหลากหลายในการโพสต์ ซึ่งเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันของบริการ Video ที่หนักขึ้นเรื่อยๆ
สร้างรายได้ยากคืออีกปัจจัย
อีกเหตุผลที่ Twitter ปิดบริการ Vine เพราะต้องการหาโมเดลรายได้ใหม่ๆ หลังจากภาพรวมธุรกิจไม่เติบโตนัก ทำให้ต้องรัดเข็มขัด และรีดไขมันองค์กรจนต้องปลดพนักงาน 350 คน หรือ 9% ของทั้งองค์กร ต่อเนื่องจากปีก่อนที่ปลดไปแล้ว 336 คน โดยการจ่ายค่าชดเชยครั้งนี้คาดว่ามีมูลค่า 10 – 20 ล้านดอลลาส์สหรัฐ แต่ก็คุ้มค่าเมื่อแลกกับการรักษาธุรกิจเอาไว้ได้
เนื่องจากรายได้จากค่าโฆษณาบน Twitter และการขายสิทธิ์นำข้อมูลไปใช้งานยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่นจำนวนผู้ใช้ที่กดไปยังโฆษณาภายในแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นถึง 91% ถึงอย่างไรการปิดบริการ Vine ครั้งนี้ก็ถือเป็นการปิดฉากเวทีที่สร้างเน็ตไอดอลของโลกอีกเวทีหนึ่ง โดยเฉพาะคนที่โพสต์ Video ประเภท Comedy เช่น KingBach ที่มีผู้ติดตามกว่า 13 ล้าน และ Jerry Purpdrank ที่มีผู้ติดตามกว่า 8 ล้าน
สรุป
ตอนนี้คงเป็นการยากของแพลตฟอร์ม Video เพราะการนำเรื่องนี้มาแข่งขันกับคนอื่นที่มีฐานผู้ใช้จำนวนมากก็คงยาก และคาดว่าอีกแพลตฟอร์ม Video ที่จะหายไปคือบริการ Live เพราะปัจจุบัน Google กับ Facebook ต่างรุกหนักในเรื่องนี้ ทำให้ผู้เล่นอย่าง Periscope ที่เป็นแพลตฟอร์ม Live และมี Twitter เป็นเจ้าของ ก็คงคิดหนักว่าจะทำอย่างไรต่อไป
อ้างอิง
Twitter’s identity crisis killed Vine
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา