การประชุมสมัชชาใหญ่ของเวียดนามที่จะจัดขึ้นทุก 5 ปี เพื่อกำหนดทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายระหว่างประเทศ เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Nguyen Phu Trong วัย 76 ปี ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการทั่วไปและประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 หลังดำรงตำแหน่งสมัยแรกเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2018
เขาประกาศในที่ประชุมว่า เวียดนามตั้งเป้าจะกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2045 หรืออีก 25 ปีข้างหน้า และมีอัตราการเติบโตของ GDP เฉลี่ยปีละ 6.5-7% ต่อปี ในช่วง 5 ปีข้างหน้า มากกว่าก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ 6% เสียอีก
ที่ผ่านมาเวียดนามทำได้ดี แต่ปีนี้มีเป้าหมายทะเยอทะยานกว่านั้น
ปีที่ผ่านมา เวียดนามมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 2.9% ถือว่าทำได้ดีมากเมื่อพิจารณาว่าต้องเผชิญกับปัญหาโควิด เป็นข้อพิสูจน์ว่าเศรษฐกิจของเวียดนามยังคงร้อนแรง
ปัจจัยการเติบโตของเวียดนาม มีดังนี้
- ใช้ข้อได้เปรียบเรื่องข้อตกลงการค้าเสรี ที่มีอยู่ในมือมากกว่าประเทศโดยรอบที่มีศักยภาพใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป (EVFTA) ข้อตกลงการค้าเสรีกับสหราชอาณาจักร และ CPTPP เพื่อสร้างความได้เปรียบ
- ใช้มาตรการแปรรูปวิสาหกิจของรัฐให้เอกชนอย่างต่อเนื่อง สร้างความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจ แต่ไม่รวมถึงกิจการที่ข้องเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงและการป้องกันประเทศ
- ใช้ข้อได้เปรียบจากการ ประสบความสำเร็จในการจัดการโควิด-19 เร่งพัฒนาเศรษฐกิจก่อนประเทศอื่นๆ
แม้จะอยู่ในช่วงการระบาด แต่ศักยภาพของเวียดนามทำให้เวียดนามสามารถฉกฉวยเอาผลประโยชน์จากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ เอาไว้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
เวียดนามกลายเป็นปลายทางยอดฮิตสำหรับการย้ายฐานการผลิตของบริษัทตะวันตกออกจากจีน เช่น Apple, Microsoft, Sony, Intel และบริษัทอื่นๆ
ทั้งหมดนี้ ทำให้เวียดนามสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจกลับมาอยู่ในระดับก่อนการระบาดได้ในช่วงเวลาเพียง 2 เดือน และทำให้เวียดนามมั่นใจที่จะตั้งเป้าหมายเติบโตมากกว่าแค่ 2.9% ที่ทำได้ในปีที่ผ่านมา
เวียดนามหวังสูง ไม่ได้อยากเป็นแค่โรงงานรับผลิตราคาถูก
เวียดนามประกาศในที่ประชุมสมัชชาใหญ่อย่างชัดเจนว่า ต่อจากนี้ไปจะพัฒนาเป็นฐานการผลิตที่ทันสมัยมากขึ้น ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน มากกว่าที่จะเป็นฐานการผลิตด้วยแรงงานราคาถูก
“หลังจากเวียดนามได้รับการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมผลิตแบบเน้นแรงงานและไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากว่าทศวรรษ ต่อจากนี้ เวียดนามจะไม่ยอมรับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีล้าสมัยและสร้างความเสี่ยงให้กับระบบนิเวศอีกแล้ว” Nguyen Phu Trong กล่าว
ที่มา – Reuters, Nikkei Asia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา