เวียดนามเดินหน้าสร้างรถไฟความเร็วสูง! หมดยุคพึ่งพาต่างประเทศมากเกินไป เตรียมพึ่งตัวเองและเชื่อมโยงประเทศคู่ค้าหลักมากขึ้น
ในยุคที่สงครามการค้าเดือดจนหลายประเทศที่ต้องพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศเริ่มเหนื่อยและหันมาพึ่งพาตัวเองมากขึ้น เช่น จีน ที่เน้นบริโภคภายในประเทศมากขึ้นท่ามกลางความพยายามตั้งเงื่อนไขทางการค้ากีดกันจีน เวียดนามก็กำลังเดินหน้าสร้างเสาหลักให้ประเทศตัวเองได้พึ่งพา
เสาหลักของเวียดนามที่ว่าคืออะไร?
เสาหลักที่ว่าคือเส้นทางเชื่อมโยงการค้าทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศเพื่อเกื้อหนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจขยับตัวและก้าวหน้ามากกว่าเก่า
สำหรับเวียดนามที่เป็นคลื่นลูกใหม่ ประเทศเนื้อหอมที่ยักษ์ใหญ่จากตะวันตกล้วนสนใจมาลงทุน ประกอบด้วยปัจจัยหลายด้าน ทั้งต้นทุนค่าแรง ทั้งจำนวนแรงงานในวัยทำงานที่มีมาก ไหนจะเงื่อนไขในการทำธุรกิจที่สะดวกมากขึ้น ทำให้หลายๆ ประเทศสนใจมาลงทุน
เสาหลักของเวียดนามที่ว่าก็คือ เส้นทางคมนาคม เวียดนามเลือกลงทุนเส้นทางรถไฟมากขึ้น เส้นหนึ่งเป็นรถไฟเส้นทางสายเก่า ยกระดับให้ทันสมัยและเชื่อมโยงคู่ค้าหลักที่ใหญ่ที่สุดนั่นก็คือจีน
เส้นทางสายที่สองก็คือรถไฟความเร็วสูงที่เวียดนามต้องการสร้าง เพื่อให้เกิดการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น สะดวกรวดเร็วขึ้น ไม่ลำบากเหมือนที่เคยเป็นมา
ยกระดับความเจริญเส้นทางรถไฟสายเก่าเชื่อมจีน
เวียดนามประเมินต้นทุนสำหรับการสร้างเส้นทางรถไฟที่เชื่อมกับมณฑลหยูนนานของจีนซึ่งเป็นคู่ค้าหลักรายใหญ่ที่สุด คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 179 ล้านล้านดอง หรือ 7.2 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 2.4 แสนล้านบาท
เส้นทางรถไฟสายนี้เชื่อมจากจังหวัด Lào Cai ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม มีพรมแดนเชื่อมกับมณฑลหยุนหนานของจีน โดยเส้นทางรถไฟมีระยะทาง 427 กิโลเมตร วิ่งจาก Hanoi (ฮานอย) ไปยังท่าเรือ Haiphong (ไฮฟอง) สู่เมือง Ha Long (หะลอง)
ตอนนี้เวียดนามกำลังยื่นแผนสร้างเส้นทางรถไฟ Lào Cai ไปที่กระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาอนุมัติแผน
สำหรับแผนก่อสร้างรถไฟนี้คาดว่าจะเริ่มขึ้นในปี 2030 จะสามารถบรรทุกคนได้ประมาณ 8.3 ล้านคนต่อปี และบรรทุกสินค้าได้ 17.5 ล้านตันต่อปีภายในปี 2050
เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ที่สุด รถไฟความเร็วสูง วิ่งจากเหนือสู่ใต้
การประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งถัดไป เวียดนามเตรียมอนุมัติแผนสร้างรถไฟความเร็วสูงมูลค่า 6.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท ระยะทาง 1,541 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเชื่อมจากฮานอยทางตอนเหนือ ไปยังทางตอนใต้ของโฮจิมินห์ ถือเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
กระทรวงคมนาคมกล่าว “การสร้างรถไฟความเร็วสูงของเวียดนามนี้ จะใช้ทุนและเทคโนโลยีภายในประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศ และเพื่อจะสามารถควบคุมการก่อสร้าง การโอนถ่ายเทคโนโลยี และทำให้การดำเนินการระยะยาวดีขึ้น” โดย Nguyen Dahn Huy รัฐมนตรีช่วยด้านคมนาคมระบุว่า จะพึ่งพาการถ่ายโอนเทคโนโลยีจากต่างประเทศให้น้อยลง
หลายคนอาจมองว่าทำไมเวียดนามทนงตัวเช่นนี้ ทั้งที่เป็นประเทศกำลังพัฒนาแท้ๆ แต่เราก็เห็นตัวอย่างจากประเทศอื่นหลายแห่งก็พบว่าการพึ่งพาต่างประเทศมากเกินไป ในที่สุดก็ไม่มีเงินใช้หนี้ และประเทศที่ปล่อยกู้ก็ยึดโครงการนั้นเป็นสินทรัพย์ตัวเองไป หลายประเทศติดกับดักหนี้และไม่สามารถหนีพ้นหลุมหนี้นี้ได้
เวียดนามบอกเลย โครงการนี้ทำการศึกษามายาวนานราว 18 ปีแล้ว แถมยังส่งผู้แทนไปดูงาน ไปเรียนรู้ประสบการณ์การสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เช่นนี้จากประเทศอื่นด้วย สำหรับมูลค่าการลงทุน 2 ล้านล้านบาทที่ว่านั้น จะใช้งบประมาณกลาง พันธบัตรรัฐบาล เงินสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่น และเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำมาสมทบการก่อสร้าง
เวียดนามมั่นใจในจิตวิญญาณของประเทศที่ต้องการพึ่งพาตนเอง จึงตัดสินใจไม่พึ่งพาเงินกู้จากต่างชาติ เพราะการกู้ยืมเงินจากต่างชาติมักมีข้อผูกมัดมากมาย
สำหรับรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งจากเหนือจรดใต้ จะใช้รางคู่ขนาด 1,435 มม. ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ความเร็ว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รองรับน้ำหนักได้ 22.5 ตันต่อเพลา มีสถานีโดยสาร 23 แห่ง สถานีขนส่งสินค้า 5 แห่ง ให้บริการทั้งผู้โดยสารและขนส่งสินค้า สำหรับระยะเวลาในการคัดสรรที่ปรึกษาจากต่างประเทศให้ศึกษาความเป็นไปได้จะเริ่มในช่วงปี 2025-2026 คาดว่าโครงการนี้จะแล้วเสร็จภายในปี 2035
ที่มา – Nikkei, VN Express
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา