เวียดนามกำลังจะกลายเป็นเป้าใหม่ของประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากที่ตัวเลขดุลการค้ากับสหรัฐยังโตถึง 40% หลังจากประเทศแห่งนี้นั้นคาดว่าจะเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริงของสงครามการค้า
U.S. Census Bureau ได้รายงานตัวเลขล่าสุดของไตรมาสที่ 1 นั้นเวียดนามได้ดุลการค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงถึง 40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หลังจากบรรดาบริษัทต่างๆ ย้ายโรงงานจากจีนไปเวียดนามเพื่อใช้เป็นฐานการส่งออก ซึ่งอาจทำให้เวียดนามอาจกลายเป็นเป้าใหม่ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ
- สหรัฐเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กจากเวียดนามมากกว่า 400% หลังประเทศอื่นใช้เป็นทางผ่าน
- เวียดนามเตรียมตรวจบริษัทต่างชาติใช้เป็นทางผ่านส่งออก เตรียมผ่อนผันทำประกันค่าเงิน
ศุลกากรของประเทศเวียดนามได้รายงานว่า เวียดนามได้ดุลการค้าจากสหรัฐสูงมากถึง 1,590 ล้านเหรียญสหรัฐ จากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขาดดุลกับสหรัฐที่ 43 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นผลมาจากการส่งออกสินค้าที่เติบโตถึง 7.2% ในช่วงครึ่งปีแรก โดยประเทศที่ส่งออกเพิ่มมากที่สุดใน 6 เดือนแรกของปีคือ สหรัฐอเมริกา รองลงมาคือเกาหลีใต้
ในช่วงที่ผ่านมาเวียดนามเป็นประเทศที่คาดว่าจะเป็นผู้ชนะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา เนื่องจากอยู่ใกล้ประเทศจีน รวมไปถึงเป็นประเทศที่ไม่มีปัญหาได้ดุลการค้ากับสหรัฐสูงมาก ทำให้บริษัทต่างๆ รวมไปถึงบริษัทจีนต่างทยอยย้ายฐานการผลิต นอกจากนี้ล่าสุดยังมีการเซ็นข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป ทำให้เวียดนามยิ่งเป็นประเทศที่เนื้อหอมมากที่สุดในอาเซียน
เดือนที่ผ่านมาประธานาธิบดีสหรัฐได้กล่าวถึงประเทศเวียดนามก่อนที่จะเดินทางไปประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ว่า “เวียดนามได้ประโยชน์จากสหรัฐอย่างมาก มากกว่าจีนเสียด้วยซ้ำ” ทำให้ผู้นำเวียดนามรับปากว่าจะทำให้การค้าในเวียดนามเสรีและยุติธรรม เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเวียดนามซ้ำรอยจีน และยังรวมไปถึงการซื้อสินค้าของสหรัฐ เช่น เครื่องบินของ Boeing ฯลฯ
ยังรวมไปถึงเรื่องของค่าเงินดองของเวียดนามที่นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เน้นกำชับอย่างมาก เนื่องจากเวียดนามถือเป็น 1 ในประเทศที่สหรัฐจับตามองเรื่องของการควบคุมค่าเงิน เนื่องจากได้ดุลการค้ากับสหรัฐ และมีการซื้อพันธบัตรของสหรัฐด้วย
จากบทวิเคราะห์ของ Capital Economics ได้จัดทำโมเดลทางเศรษฐกิจจำลองขึ้นมา ถ้าหากประธานาธิบดีสหรัฐได้ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเวียดนามที่อัตราภาษี 25% จะทำให้รายได้จากการส่งออกเวียดนามลดลงทันที 25% ซึ่งเทียบได้กับการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามที่ 1%
ที่มา – Bloomberg, Quartz, The Edge Markets
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา