เศรษฐกิจไตรมาส 3 ของเวียดนาม โตที่สุดในรอบ 2 ปี โตจนฉุดไม่อยู่แล้ว
GDP เวียดนามโตอยู่ที่ 7.4% ถือว่าอยู่ในอัตราที่สูงที่สุดในรอบสองปี เมื่อเทียบกับช่วงปี 2022 ที่จีดีพีโตถึง 13.7%
สำหรับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามดังกล่าว มีปัจจัยส่งเสริมจากภาคการส่งออกที่เติบโตถึง 15.8% นับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2023 แม้ว่าเวียดนามจะประสบปัญหาจากพายุไต้ฝุ่นยางิเข้าเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จนทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในโรงงานต้องหดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีนาคมก็ตาม
ด้าน Standard Chartered เคยคาดการณ์ไว้ว่าจีดีพีเวียดนามน่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่านี้ที่ 5.1% การประกาศตัวเลขการเติบโตของเวียดนามที่ 7.4% ก็ถือว่าสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ภาคการเกษตรก็ถือว่าน่าจะได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากพายุไต้ฝุ่น คาดว่าน่าจะเติบโตที่ 2.58% ถือว่าต่ำกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่เติบโตอยู่ที่ 3.34%
พายุไต้ฝุ่น หรือพายุยางิ ถือเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในเอเชีย มีการประเมินความเสียหายของเวียดนามทางตอนเหนือ พบว่า น่าจะเสียหายมากถึง 8.15 หมื่นล้านล้านดอง หรือ 3.31 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 1.1 แสนล้านบาท
เมื่อ 28 กันยายนที่ผ่านมา มีการรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตเวียดนามน่าจะอยู่ที่ 299 คน สูญหาย 34 คน ส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมส่งออก โรงงาน ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรและโครงสร้างพื้นฐานภายใน
ในระยะยาว สำนักงานสถิติระบุว่า ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ GDP น่าจะขยายตัวสูงถึง 6.82% ซึ่งก็เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามช่วงก่อนโควิดระบาดที่เติบโตอยู่ที่ 7.3%
เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตอย่างมากแม้ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นค่อนข้างมาก
การเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายในเพียงอย่างเดียว แต่มีปัจจัยภายนอกมาเกี่ยวพันด้วย ซึ่งประเทศที่เป็นลูกค้ารายใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา เมื่อธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ก็น่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และส่งผลต่อประเทศคู่ค้าอย่างเวียดนามไม่มากก็น้อย ทำให้ยอดออร์เดอร์สั่งซื้อสินค้าก็น่าจะลดตามไปด้วย
สินค้ายอดนิยมที่ผลิตในเวียดนาม อาทิ แล็ปท็อป โทรศัพท์มือถือ รวมไปถึงสินค้าอื่นๆ ที่กระตุ้นให้เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตก็น่าจะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน เนื่องจากภาคเทคโนโลยีถือเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเวียดนามอย่างมาก ยอดส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของเวียดนามไต่ระดับไปถึง 20.6% ในช่วงไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า
ก่อนหน้านี้ BESI บริษัทสัญชาติดัตช์ก็เพิ่งจะลงทุนในเวียดนามไป โดยตั้งเป้าให้เวียดนามเป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตชิปให้กับกล้องของสมาร์ทโฟน LG ซึ่งบริษัทในเวียดนามที่ว่าก็คือ SHTP หรือ Saigon High-Tech Park โดย BESI ลงทุนในระยะแรกไปแล้ว 4.7 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 157 ล้านบาทในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
โครงการดังกล่าวมีระยะเวลายาวนาน 50 ปี และเพิ่งจะประกาศลงทุนเพิ่มเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา 42 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.4 พันล้านบาท ความเสียหายจากน้ำท่วมดังกล่าวน่าจะส่งผลต่อการลงทุนดังกล่าวด้วยไม่มากก็น้อย
ที่มา – Nikkei, CNA, Reuters, VIR, Tuoi Tre News
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา