นายกรัฐมนตรี Nguyen Xuan Phuc (เหงียน ชวน ฟุก) เพิ่งจะลงจากตำแหน่งเมื่อวันศุกร์ที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เขาได้เปิดเผยแผนพัฒนา AI ก่อนที่จะเตรียมขึ้นเป็นประธานาธิบดีของเวียดนาม
Phuc ถูกแต่งตั้งให้เป็นประธานาธิบดีของเวียดนาม เขาได้ลงนามในยุทธศาสตร์การวิจัยและพัฒนาของชาติและแผนพัฒนา AI เวียดนามพยายามจะผลักดันแผนพัฒนาประเทศให้กลายเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับบน รายละเอียดในแผนระบุว่า AI จะกลายเป็นเป้าหมายที่จะช่วยพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจที่ท้าทาย
เวียดนามเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือเรียกว่าอุตสาหกรรม 4.0 ยุทธศาสตร์ของเวียดนามคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้วย AI ทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเวียดนามในเวทีโลกมากขึ้น ส่งเสริมให้เกิดระบบอัตโนมัติและการใช้ประโยชน์จากอุตสาหกรรม 4.0 ประกอบด้วยหลายด้าน ทั้งการทำให้เกิดการเชื่อมโยงด้วยความเร็วสูงพิเศษ, AI, matchine learning ไปจนถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์
Phuc สร้างกรอบพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 และ AI โดยคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองในปี 2019 เขาลงนามในแผนแห่งชาติที่เกี่ยวพันกับการนำ AI ที่จะใช้พัฒนาเวียดนามไปอีก 9 ปีข้างหน้าเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2020 ที่ผ่านมา โดยจะให้ยุทธศาสตร์ AI มาเป็นเสาหลักด้านเศรษฐกิจในปี 2030
เวียดนามเป็นประเทศกำลังพัฒนาและตั้งเป้าเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับบนด้วยอุตสาหกรรมที่ทันสมัยในปี 2030 เพื่อเป็นการฉลองครบรอบก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม 100 ปี
ข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า เศรษฐกิจรายได้ปานกลางระดับบนจะต้องมีรายได้ประชาชาติต่อหัว (GNI) อยู่ที่ 4,046 เหรียญสหรัฐถึง 12,535 เหรียญสหรัฐ
ปี 2019 เวียดนามมี GNI อยู่ที่ 2,590 เหรียญสหรัฐต่อหัว ซึ่งเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีรายได้ปานกลางระดับบนคืออินโดนีเซียอยู่ที่ 4,050 เหรียญสหรัฐต่อปี ขณะที่ไทยอยู่ที่ 7,260 เหรียญสหรัฐและมาเลเซียอยู่ที่ 11,230 เหรียญสหรัฐต่อปี
เวียดนามต้องการใช้ AI มาเพิ่มผลิตภาพของภาครัฐ โดยเฉพาะการให้บริการสาธารณะออนไลน์เพื่อลดกระบวนการ ลดระยะเวลาในการรอ ลดต้นทุน ลดจำนวนข้าราชการลง ซึ่งหากเวียดนามทำได้ตามเป้าที่จะพัฒนาเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับบนได้จริงในปี 2030 เวียดนามจะสามารถขึ้นเป็นประเทศชั้นนำอันดับ 4 ของอาเซียนและขึ้นเป็น 50 ประเทศแรกของโลกในด้านการวิจัยและการพัฒนา AI เพื่อนำมาประยุกต์ใช้
ที่มา – Nikkei Asia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา