เงินเฟ้อหนัก ทำให้คนต้องเป็นหนี้ กรณีศึกษา เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนเลือกตั้ง 2024

คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้าจู่ๆ ชีวิตที่ไม่เคยเป็นหนี้ใครเลย กลับกลายมาเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยหนี้สินเพียงแค่เพราะรายได้คุณไม่เพียงพอต่อการซื้อข้าว?

inflation

‘Stacey Ellis’ คือหนึ่งในผู้ประสบภัยเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกา แม้เธอจะเป็นประชาชนที่ภักดีต่อ ‘พรรคเดโมแครต’ มาทั้งชีวิต แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตั้งแต่ที่ ‘โจ ไบเดน’ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ข้าวของทุกอย่างก็แพงขึ้นมากจริงๆ

นับตั้งแต่ไบเดนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม 2021 ค่าใช้จ่ายในการซื้อของตามซุปเปอร์มาร์เก็ตก็พุ่งทะยานถึง 25% ส่งผลให้ Ellis ต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเธอและเปลี่ยนข้าวของในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ และ ขนมปัง มาเป็นยี่ห้อที่ถูกลง

Ellis เล่าว่า “ก่อนที่เงินจะเฟ้อ ฉันไม่มีหนี้สินอะไรเลยและไม่มีแม้กระทั่งบัตรเครดิต แต่พอค่าครองชีพมันสูงขึ้น ฉันก็กลายเป็นคนที่มีหนี้แถมยังต้องลดระดับสไตล์การใช้ชีวิตอีกด้วย”

ปัจจุบัน แม้ Ellis จะประกอบอาชีพเป็นทั้งพยาบาลประจำและพนักงานพาร์ทไทม์ รายได้ที่มีก็ยังไม่พอ ทำให้เธอต้องไปกู้สินเชื่อ ‘Payday Loan’ (หนี้ระยะสั้น ดอกเบี้ยสูง) ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อหาเงินมาประทังชีวิต

แฟนคลับไบเดนเบือนหน้าหนี เหตุค่าครองชีพแพงเกินไป

แน่นอนว่าไม่ใช่ Ellis คนเดียวที่ประสบปัญหานี้ เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว 11% ของรายได้ครัวเรือนในสหรัฐฯ ถูกใช้ไปกับข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อเข้าบ้าน รวมถึงค่าใช้จ่ายในร้านอาหารด้วย

อ้างอิงผลสำรวจจาก Pew Survery ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา 94% ของประชาชนชาวอเมริกายอมรับว่าพวกตนกังวลเรื่องราคาอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มสูงเกินไป

คนที่ได้รับผลกระทบหนักสุดจากปัญหานี้คือ คนรุ่นใหม่ที่มีรายได้ต่ำและเป็นชนกลุ่มน้อย (ตามชนชาติ ศาสนา ฯลฯ) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็เป็นกลุ่มเดียวกันกับผู้ที่เลือกไบเดนเข้ามาเป็นประธานาธิบดี

‘Dylan Garcia’ รปภ.หนุ่มวัย 26 ปีเผยว่า เขาต้องลดมื้ออาหารเหลือแค่ 2 มื้อต่อวัน เพราะไม่มีเงินพอสำหรับอาหาร 3 มื้อ หลังจากที่เคยซื้ออาหารสดเป็นประจำ ก็กลายเป็นซื้อแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและผักแช่แข็งมาตุนไว้ 

ยิ่งไปกว่านั้น เวลาจะจ่ายเงินในซุปเปอร์มาร์เก็ต Garcia จำเป็นต้องเลือกผ่อนจ่ายเอา ส่งผลให้เขามีหนี้สินที่พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ 

แม้ Garcia จะเป็นแฟนคลับพรรคเดโมแครตมานานแค่ไหน แต่ด้วยสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ในตอนนี้ เขาบอกว่า ตนคงไม่โหวตให้ไบเดนแล้วในสมัยหน้า ด้วยเหตุผลที่ว่ารัฐบาลดูเหมือนจะไม่สนใจความเป็นอยู่ของประชาชนเลย

หนีไบเดน มาซบไหล่ทรัมป์

Donald Trump ภาพจาก White House

รัฐบาลชุดปัจจุบันก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด พยายามจัดหานโยบายมาเพื่อช่วยประชาชนในการจ่ายค่าอาหาร 

อย่างไรก็ตาม จากการดีเบตในเดือนมิถุนายนระหว่างสองแคนดิเดตประธานาธิบดีอย่าง ‘โจ ไบเดน’ และ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เมื่อถูกถามว่าคิดเห็นอย่างไรกับปัญหาเงินเฟ้อ ไบเดนกลับเลือกที่จะอ้างว่าต้นเหตุมาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ขยันขึ้นราคาล้วนๆ ส่งผลให้นักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายพากันส่ายหัวไปตามกัน

แม้รัฐบาลของไบเดนจะสร้างอาชีพและลดอัตราการว่างงานไปมากขนาดไหน แต่ประชาชนหลายๆ คนก็ยังเชื่อว่าทรัมป์จะจัดการปัญหาเศรษฐกิจได้ดีกว่า

ที่สำคัญ แฟนคลับ ‘พรรครีพับลิกัน’ ยังออกมากล่าวหาว่าไบเดนโกหกประชาชนเกี่ยวกับเรื่องปัญหาเงินเฟ้อ เนื่องจากเขาเคยอ้างว่าอัตราเงินเฟ้อในสมัยที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งนั้นสูงถึง 9% ทั้งที่จริงแล้ว มันอยู่ที่ 1.4% เท่านั้น

นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่าปัญหาเงินเฟ้อไม่สามารถนำมาตัดสินผลการเลือกตั้งได้

US dollar ดอลลาร์สหรัฐ
ภาพจาก Shutterstock

แม้สภาพเศรษฐกิจจะสำคัญต่อชีวิตประชาชนขนาดไหน นักวิเคราะห์หลายๆ คนก็ยังไม่อยากให้ด่วนสรุปว่ามันจะมาเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน 2024

ปัจจุบัน สองปัจจัยหลักที่สามารถโน้มน้าวประชาชนได้คือปัญหาผู้อพยพและความเหมาะสมของรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ส่วนปัจจัยด้านเศรษฐกิจนั้น ดูเหมือนว่าในตอนนี้ปัญหากำลังค่อยๆ คลี่คลายลง

ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ราคาข้าวของเครื่องใช้เพิ่มมาแค่ 1 % เท่านั้น และต้นทุนสินค้าหลายๆ อย่าง เช่น ข้าว ปลา แอปเปิ้ล มันฝรั่ง และ นมสด ยังถูกลงอีกด้วย

นอกจากนี้ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ร้านค้าชื่อดังหลายๆ แห่ง อาทิ ‘ทาร์เก็ต’, ‘อเมซอน’ และ ‘วอลมาร์ท’ ก็เพิ่งประกาศไปว่าพวกตนจะลดราคาสินค้า นับเป็นสัญญาณที่ดีแก่ชาวอเมริกันทั่วประเทศ

ยิ่งไปกว่านั้น ‘Sarah Foster’ นักเขียนประจำ ‘Bankrate’ บริษัทให้คำปรึกษาด้านการเงินในสหรัฐฯ กล่าวว่า “ตอนนี้ประเทศเรากำลังมาถูกทางแล้ว แม้อัตราการเติบโตของค่าแรงจะชะลอลง แต่ราคาข้าวของมันลดลงเร็วยิ่งกว่า ดังนั้นค่าครองชีพก็จะดูสมเหตุสมผลขึ้นภายในปีนี้”

อเมริกามาถูกทางแล้ว ไทยมาถูกไหม?

แบงก์ชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย

ในขณะที่สหรัฐอเมริกากำลังฟื้นตัวจากปัญหาเศรษฐกิจ แล้วประเทศไทยของเรากำลังอยู่ในสถานภาพไหนกัน?

จากที่ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ’ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้พบปะสื่อมวลชนไปเมื่อสัปดาห์ก่อน เราก็พบว่าแม้อัตราเงินเฟ้อไทยจะลดน้อยลง แต่ราคาสินค้ายังคงแพงเท่าเดิม

หากเทียบราคาสินค้าหลายๆ อย่างระหว่างปีนี้กับ 5 ปีที่แล้ว จะเห็นได้เลยว่าราคาของมันเพิ่มขึ้นไม่น้อย โดยเฉพาะ ‘แก๊สโซฮอล์ 95’ ที่มากกว่าเดิมถึง 40%

นอกจากนี้ เศรษฐกิจประเทศไทยยังฟื้นตัวได้ช้ากว่าประเทศอื่น เนื่องจาก GDP ของเราพึ่งพาภาคบริการถึง 61% โดยเฉพาะ การท่องเที่ยว ดังนั้น เมื่อการท่องเที่ยวยังไม่กลับมาดีเช่นเคย เศรษฐกิจก็เลยฟื้นตัวช้าไปด้วย

เพราะเหตุนี้ หากประเทศไทยยังไม่รีบปรับโครงสร้างหรือลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็คงไปต่อได้ยาก และคนที่รับกรรมหนักคือประชาชน

แหล่งอ้างอิง: BBC / Brand Inside

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา