รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุด หรือ World Economic Outlook (WEO) ชี้ให้เห็นว่าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีนส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของภาคธุรกิจและผู้บริโภค เสียความเชื่อมั่นในการลงทุน และกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน
รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุด (WEO) ปรับลดประมาณการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2562 ลงมาเหลือเพียง 3.0% จาก 3.2% ในการคาดการณ์เมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2551-2552
ชี้ให้เห็นว่าการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐและจีนนั้น เพิ่มค่าใช้จ่ายโดยตรงให้กับภาคธุรกิจและผู้บริโภค รวมถึงก่อผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน และกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ผลกระทบสะสมจากความขัดแย้งทางการค้า อาจทำให้เศรษฐกิจโลกเกิดความสูญเสียถึง 0.8% ของจีดีพีโลกหรือราวๆ 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่ากับขนาดเศรษฐกิจทั้งหมดของสวิตเซอร์แลนด์
แม้ IMF จะคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกอาจดีขึ้นในปี 2563 มีอัตราการเติบโตที่ 3.4% แต่สงครามการค้าในปัจจุบันอาจนำไปสู่ความเสียหายที่ยาวนานเนื่องจากห่วงโซ่อุปทานเสียหาย บริษัทข้ามชาติย้ายฐานผลิตเพื่อหลบหนีกำแพงภาษี
รวมถึงประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกทั้ง 4 ประเทศ (จีน, สหรัฐฯ, ยูโรโซน และญี่ปุ่น) อาจไม่มีอัตราการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นใน 5 ปีข้างหน้า
โดยเศรษฐกิจของจีนจะค่อยๆ ชะลอตัวจาก 6.1% ในปี 2562 ลงสู่ระดับ 5.5% ในปี 2567 ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าจะชะลอตัวที่ 2.4% ในปี2562 และเหลือ 2.1% ในปี 2563
ส่วนกลุ่มอาเซียนเฉพาะ 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม โดย รายงานคาดว่าจะเติบโตที่ 4.8% ในปี 2562 และ 4.9% 2563 โดยที่ไทยจะเติบโตเหลือเพียง 2.9% ในปีนี้ และ 3.0% ในปีหน้า
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา