แรงกดดันในสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐได้ทยอยเพิ่มความรุนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้เกิดความกังวลที่จะกิจกรรมการค้าระหว่างประเทศลดลง แต่ล่าสุดสหรัฐพร้อมที่จะเพิ่มเพดานการเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
แรงกดดันที่เกิดขึ้นล่าสุดจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือ สหรัฐเตรียมจะเก็บภาษีจากสินค้าจากจีนอีกมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะมีการเก็บภาษีเหล่านี้ในอัตรา 10% และจะมีผลปลายเดือนสิงหาคมนี้
ก่อนหน้านั้นมีการเก็บภาษีสินค้าจากจีนไม่ว่าจะเป็นเหล็กและอลูมิเนียม รวมไปถึงสินค้าไฮเทคจากจีนมูลค่า 5 หมื่นล้านเหรียญที่พึ่งมีผลไปเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา
หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการล่าสุดออกมาทำให้เกิดความกังวลจากภาคการเงินถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของทั้ง 2 ที่อาจย่ำแย่ลงได้อีก โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้พูดถึงมาโดยตลอดคือท่าทีของประเทศจีนที่ไม่เปิดกว้างทางด้านการค้า ยังรวมไปถึงเรื่องของการละเมิดสิทธิบัตร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก
ส่วนท่าทีของจีนได้ออกมากล่าวว่าการที่สหรัฐสร้างกำแพงภาษีในครั้งนี้ เปรียบได้กับ “สหรัฐได้รังแกด้านการค้ากับจีน” และยังได้ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐมูลค่า 34,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง 1 ในนั้นคือรถยนต์ และล่าสุดรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้กล่าวว่า “ช็อกกับสิ่งที่สหรัฐได้ทำลงไป”
มูลค่าการส่งออกจากสหรัฐไปจีนในปี 2017 ที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 188,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนสหรัฐได้นำเข้าสินค้าจากจีนเป็นมูลค่าประมาณ 523,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ยังจะมีชุดใหญ่อีกรอบ
นอกจากนั้นแล้วประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าเตรียมที่จะมีการขึ้นภาษีสินค้าจากจีนมูลค่ากว่า 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐได้กล่าวกับ Bloomberg ว่า สหรัฐไม่มีทางเลือกเนื่องจากจีนไม่ได้ตอบสนองต่อสิ่งที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เน้นย้ำเรื่องของการค้าที่ไม่ยุติธรรมจากจีนเอง
Tao Wang นักวิเคราะห์ของ UBS ได้กล่าวว่า จีนกำลังหาลู่ทางที่จะตอบโต้กับสหรัฐในเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่จะต้องไม่กระทบกับเศรษฐกิจของจีนเองด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี มูลค่าของสินค้าที่สหรัฐนำเข้าจากจีนกว่า 2 แสนล้านเหรียญนั้นเทียบได้ประมาณ 0.4% ของมูลค่าการค้าทั่วโลก
ที่มา – Bloomberg, Financial Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา