หลังจากดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาทั้ง S&P 500 และ Dow Jones ได้ลงในวันเดียว 2% กว่าๆ ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วทั้งเอเชียก็ได้รับผลกระทบ หุ้นลงเช่นเดียวกัน เรามาดูกันว่าบริษัทหลักทรัพย์ในไทยแนะนำนักลงทุนอย่างไร จากสภาพตลาดไม่เป็นใจเช่นนี้
สำหรับวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิคได้ลงไป 1-2% โดยที่ตลาดที่ลงมากที่สุด คือ Nikkei ได้ลงไป ประมาณ 2.5% ตามมาด้วยนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ส่วน SET ของไทยได้ลงไปประมาณ 1% โดยเรื่องสำคัญของนักลงทุนที่กังวลมากที่สุดคือ เรื่องของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
Global equity slump deepens as rate fears grow. Asia shares in largest daily fall since late 2016. 10y Treasury yield rises to 4y high, around 2.87% as inflation shadow spooks bonds. Emerging markets pressured as borrowing costs rise globally. pic.twitter.com/QXhkpZWURN
— Holger Zschaepitz (@Schuldensuehner) February 5, 2018
ทำไมนักลงทุนถึงกลัวเรื่องของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐอเมริกาได้ขึ้นมารวดเร็วแบบที่ทุกคนคาดไม่ถึง ล่าสุดอยู่ที่ 2.87% สูงสุดในรอบ 4 ปี เพราะว่าตัวเลขของการจ้างงานในสหรัฐนอกภาคเกษตรในเดือนมกราคมที่ผ่านมามีตัวเลขที่ดีกว่าคาด ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 9 ปี ทำให้เป็นแรงกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ต้องเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าเดิม ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐในวันศุกร์ที่ผ่านมาโดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ได้ตกลงประมาณ 666 จุด
ไม่เพียงแค่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐอเมริกา พันธบัตร 10 ปีของประเทศอื่นๆ ก็ขึ้นมาแบบรวดเร็วเช่นเดียวกัน เช่น ประเทศออสเตรเลีย หรืออังกฤษ เป็นต้น ทางด้านตราสารหนี้ไทย บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยได้ให้ข้อมูลว่านักลงทุนต่างชาติได้ขายพันธบัตรระยะยาวของไทยในช่วง 6 วันที่ผ่านมาเป็นมูลค่า 19,000 ล้านบาท ซึ่งนักลงทุนมองว่าท้ายที่สุดแล้วพันธบัตรของไทยก็จะขึ้นตามพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐอเมริกา
UK 10-year bond #yield now at 1.56%, highest since April 2016! pic.twitter.com/qWtLWd6uYa
— jeroen blokland (@jsblokland) February 2, 2018
ความผันผวนที่มีมากขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิปส์ ได้วิเคราะห์ไว้ว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะมีความผันผวนมากขึ้น โดยเฉพาะปัจจัยจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐอเมริกา ส่วนทางด้านของ Patrik Schowitz ซึ่งเป็นนักกลยุทธ์ของทาง JPMorgan Asset Management แนะนำให้นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรว่าขึ้นไปไวมากไหม หากขึ้นไปไวมากๆ อาจทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการขายทำกำไรออกมาอีกรอบ
กลยุทธ์หุ้นไทย
กลยุทธ์สำหรับนักลงทุนไทยทางบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ในช่วงนี้จะเน้นหุ้นที่มีความปลอดภัยโดยทางบริษัทหลักทรัพย์ KT Zmico แนะนำให้รอซื้อคืนที่ดัชนี 1,800 จุด โดยมองว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ 1,800 จุดเป็นแนวรับสำคัญ โดยแนะนำหุ้นปันผลสูงอย่างเช่น INTUCH TISCO AP IRPC SC QH LH PTTGC SPCG ORI ส่วนทางด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยแนะนำให้หลบภัยในกลุ่มธนาคาร นิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มค้าปลีก เช่น BBL AMATA CPALL
*หมายเหตุ การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดศึกษารายละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา