คงจะดีกว่ามากถ้ารถขนส่งพัสดุไปส่งของได้เองโดยไม่ต้องมีคนขับ เพราะมันช่วยประหยัดต้นทุนธุรกิจ Logistic ได้มหาศาล เหตุนี้เอง UPS จึงทดสอบเทคโนโลยีนี้กับ Startup ชื่อว่า TuSimple เพื่อนำมาใช้จริงในอนาคต
ต้องพัฒนาให้ถึง Level 4 โดยเร็ว
เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับนั้นมี 5 ระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นเช่นเทคโนโลยี Cruise Control ที่รถยนต์จะขับเคลื่อนได้เอง แต่ต้องมีผู้ขับนั่งอยู่หลังพวงมาลัยเพื่อช่วยตัดสินใจในยามฉุกเฉิน จนถึงระดับ 5 หรือ Level 5 ที่ตัวรถสามารตัดสินใจได้เอง และขับขี่ได้ทุกสภาพถนน เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องมีคนขับนั่งอยู่หลังพวงมาลัยอีกต่อไป
แต่สำหรับกรณีของ UPS ที่ตัดสินใจร่วมมือกับ TuSimple เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับที่ใช้สำหรับรถขนส่งพัสดุ ถ้าอธิบายง่ายๆ ก็คือรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ หรือรถหัวลาก ไม่จำเป็นต้องพัฒนาให้ถึง Level 5 ก็ได้ เพราะ Level 4 ที่ด้อยกว่าแค่สามารถขับขี่ในสภาพถนนปกติก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ทั้งนี้ความร่วมมือกันระหว่าง UPS กับ TuSimple เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ค. 2562 โดยทั้งสองบริษัทตัดสินใจนำเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับมาติดตั้งไว้ในรถขนส่งพัสดุที่วิ่งระหว่างเมืองฟีนิกซ์ กับทูซอน กินระยะทางกว่า 185 กม. แต่การทดสอบนี้ไม่มีใครรู้มาก่อน แถมวิ่งจริงๆ บนถนนปกติเลยด้วย
อย่างไรก็ตามการทดสอบครั้งนั้นมีผู้ขับที่เชี่ยวชาญนั่งอยู่หลังพวงมาลัย รวมถึงมีวิศวกรของ TuSimple นั่งประกบไปตลอดเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และทาง UPS เพิ่งมาแจ้งว่าเตรียมทดสอบเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับกับ TuSimple อย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
Todd Lewis ผู้บริหาระดับสูงของ UPS Ventures เล่าให้ฟังว่า ทางบริษัทคือหน่วยลงทุน Startup ของ UPS และได้ลงทุนใน TuSimple ไประยะหนึ่งแล้ว โดยการลงทุนครั้งนี้มีเป้าหมายยกระดับบริการขนส่งพัสดุไปอีกขั้น และทาง TuSimple ก็ได้อธิบายถึงตัวเทคโนโลยีนี้ว่าช่วยประหยัดต้นทุนการขนส่งได้ถึง 30%
สรุป
เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับน่าจะมีประสิทธิภาพที่สุดกับบริการขนส่งพัสดุ เพราะมันเป็นการขับในเส้นทางเดิมๆ ส่งในที่เดิมๆ ดังนั้นการใช้ AI เข้ามาช่วยก็น่าจะดีกว่า แต่กว่าจะไปถึงจุดที่เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับใช้งานได้จริงๆ การเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานขับรถที่อาจตกงานจำนวนมากก็ต้องศึกษาให้ดีเช่นกัน
*ข้อมูลเพิ่มเติม // เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับของ TuSimple จะติดตั้งกล้องทั้งหมด 9 ตัวรอบรถขนส่งพัสดุ พร้อม LIDAR หรือ Light Detection and Ranging ที่หมายถึงการยิงเลเซอร์ออกไปสะท้อนกับวัตถุเพื่อวัดระยะห่างอย่างอัจฉริยะ อีก 2 ตัว
อ้างอิง // Gizmodo
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา