ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การล็อคดาวน์ของจีนนั้นกระทบห่วงโซ่อุปทานหรือซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นักธุรกิจใหญ่ที่เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของญี่ปุ่น Tadashi Yanai แห่ง Uniqlo ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
Tadashi Yanai (ทาดาชิ ยานาอิ) มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Uniqlo แบรนด์แฟชั่นที่คุ้นเคยของใครหลายๆ คนกำลังประสบปัญหาเหมือนผู้คนทั่วไปที่ประสบอยู่ ทั้งซัพพลายเชนที่ถูกดิสรัป ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เขายากจนเพิ่มขึ้น ยานาอิ ประธานของบริษัท Fast Retailing บริษัทแม่ของยูนิโคล่ ติดอันดับ 1 เศรษฐีที่รวยที่สุดในญี่ปุ่น ครอบครองทรัพย์สิน 23.6 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3 ล้านล้านเยน สินทรัพย์ลดลง 44% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากยอดขายลดลงอย่างมากทั้งสาขาในญี่ปุ่นและจีน
ยานาอิเองไม่ใช่คนที่ร่ำรวยตั้งแต่เกิด เขาสานต่อธุรกิจครอบครัวและเริ่มทำงานด้วยการทำงานตั้งแต่พื้นฐาน อาทิ ทำความสะอาดร้าน ทำความสะอาดเสื้อผ้าในร้านไปจนถึงสินค้าอื่นๆ เขาทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตั้งแต่เริ่มต้น เขารู้สึกว่านั่นเป็นโอกาสที่ทำให้เขาได้เรียนรู้อย่างมาก
ยานาอิเริ่มเข้ามาดูแลกิจการต่อจากพ่อในช่วงปี 1984 และเริ่มตั้งบริษัท Uniqlo Warehouse จนกลายเป็นที่รู้จักกันในนามยูนิโคล่และมีหน้าร้านราว 300 แห่งทั่วญี่ปุ่นและสามารถขายแจ็คเก็ตผ้าฟลีซที่เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ได้มากกว่า 2 ล้านตัวภายใน 1 ปี (ผ้าฟลีซเป็นผ้าที่ผลิตได้ทั้งจากขนแกะและใยสังเคราะห์ ปัจจุบัน Uniqlo ผลิตผ้าฟลีซที่ทำจากขวดรีไซเคิลด้วย) ล่าสุด ยอดขายยูนิโคล่ตกต่ำลงมาก โดยเฉพาะในจีนเนื่องจากมาตรการเข้มข้นที่ต้องการกำจัดโควิดตามนโยบาย Zero covid
เรื่องยอดขายตกในจีนนี้ ยานาอิแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า บริษัทกำลังประสบปัญหามากจากนโยบาย Zero covid ของจีนทั้งในแง่ของผลกำไรและในแง่ของความเป็นอยู่ของพนักงาน ยานาอิกล่าวกับ Financial Times ว่า เซี่ยงไฮ้บังคับให้มีการระงับการทำธุรกิจและหยุดขนส่งจากท่าเรือ ทำให้บริษัทประสบความยากลำบาก ยูนิโคล่มีสาขาในจีน 865 แห่ง จีนถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของยูนิโคล่ เกือบ 90% มีสาขาอยู่ในเซี่ยงไฮ้ และมีสาขาอยู่ในญี่ปุ่น 813 แห่ง
โควิดป่วนจีนกระทบรายได้ยูนิโคล่ ภาวะเงินเฟ้อ ค่าเงินเยนอ่อน ต้นทุนสูง ถ้าไม่มีทางเลือกก็จะขึ้นราคาสินค้า
หลังจากที่มีการล็อคดาวน์ในจีนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้ยอดผู้ติดเชื้อกลายเป็นศูนย์ ก็ทำให้เกิดการจำกัดการใช้จ่ายเงินของผู้บริโภคที่ต้องการจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อสินค้าจากยูนิโคล่และยังส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าออนไลน์ของยูนิโคล่ด้วย ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยอดขายของยูนิโคล่ใน Tmall ของอาลีบาบาลดลง 33% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
รายได้จากยอดขายยูนิโคลที่ลดลงทั้งในจีนและญี่ปุ่น กอปรกับค่าเงินที่อ่อนค่าทำให้กำไรของยูนิโคล่ลดลงไปอีก ช่วงปลายเมษายนที่ผ่านมาค่าเงินของญี่ปุ่นต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี ด้าน Takeshi Okazaki (ทาเคชิ โอคาซากิ) ซึ่งเป็น CFO ของยูนิโคล่ระบุว่าค่าเงินเยนอ่อนค่ายิ่งทำให้ต้นทุนวัตถุดิบและการขนส่งราคาแพงขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น มันมาถึงจุดที่แบรนด์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขึ้นราคาสินค้า ซึ่งนโยบายของบริษัทก็หลีกเลี่ยงที่จะขึ้นราคาสินค้ามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ด้าน Fast Retailing บริษัทแม่ของยูนิโคล่รายงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 รายได้ของยูนิโคล่ลดลงราว 10.2% เทียบกับปีก่อนหน้า รายได้และผลกำไรจากสาขาในจีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
รายได้ของ Uniqlo ช่วงครึ่งแรกของปี 2022
รายได้รวมอยู่ที่ 1.2189 ล้านล้านเยนหรือประมาณ 3.22 แสนล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 189.2 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 12.7% รายได้และกำไรส่วนใหญ่ของยูนิโคล่มาจากเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย อเมริกาเหนือและยุโรป
รายได้ยูนิโคล่ในญี่ปุ่นอยู่ที่ 442.5 พันล้านเยน ลดลง 10.2% กำไรจากการดำเนินงาน 80.9 พันล้านเยน ลดลง 17.3% ยอดขายหน้าร้านลดลง 9.0% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
รายได้และกำไรยูนิโคล่ในต่างประเทศ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รายได้รวม 593.2 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 13.7% กำไรจากการดำเนินงาน 100.3 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 49.7% รายได้ในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โอเชียเนีย ยุโรปกลับมาแข็งแกร่ง ความต้องการในจีนลดลงเนื่องจากมาตรการจัดการโควิดเข้มข้น กำไรจากการดำเนินงานของสาขาในอเมริกาเหนือและยุโรปคิดเป็น 20% ของยอดรวมรายได้ในต่างประเทศของยูนิโคล่
รายได้จาก GU ลดลง กำไรก็ลดลงอย่างมาก รายได้อยู่ที่ 122.8 พันล้านเยน ลดลง 7.4% กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 9.3 พันล้านเยน ลดลง 40.9% ขณะที่รายได้จาก Global Brands ประกอบไปด้วย Theory, PLST, Comptoir des Cotonniers, PRINCESSE TAM.TAM, J Brand รายได้โดยรวมอยู่ที่ 58.9 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 8.1% รายได้ที่เพิ่มขึ้นมากมาจากแบรนด์ Theory และ Comptoir des Cotonniers
บริษัทคาดการณ์ว่า รายได้ในปี 2022 จะอยู่ที่ 2.2000 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 3.1% และกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 270.0 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 8.4%
ที่มา – Business Insider, Fast Retailing, Forbes
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา