ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย ร่องลึก และความหมองคล้ำบริเวณใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่หลายคนมักสงสัยว่า การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องใช้ปริมาณเท่าไรถึงจะเหมาะสม และควรเตรียมตัวอย่างไรให้ปลอดภัย บทความนี้จะตอบทุกคำถาม!
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับฉีดใต้ตานั้นขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญมักใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC ต่อข้าง หากร่องลึกไม่มากอาจใช้เพียง 0.5 CC ต่อข้าง แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องลึกหรือผิวใต้ตาหย่อนคล้อยมาก อาจต้องใช้ปริมาณที่มากขึ้น ทั้งนี้ การประเมินปริมาณที่เหมาะสมควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะการใช้ฟิลเลอร์มากหรือน้อยเกินไปอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นธรรมชาติ
การเลือกชนิดของฟิลเลอร์ก็สำคัญ ฟิลเลอร์สำหรับใต้ตาควรเป็นชนิดที่มีเนื้อสัมผัสนุ่ม สามารถปรับรูปได้ง่าย เช่น Hyaluronic Acid (HA) ที่มีความปลอดภัยสูง และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
ข้อควรระวังก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ : ควรเลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง และแพทย์ที่มีประสบการณ์ในด้านการฉีดฟิลเลอร์ หรือความงามโดยเฉพาะ
- ปรึกษาแพทย์ล่วงหน้า : แจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว และยาที่กำลังใช้อยู่ เช่น ยาละลายลิ่มเลือด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาและอาหารเสริมบางชนิด : เช่น แอสไพริน วิตามินอี อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อลดโอกาสเกิดรอยช้ำ
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ : อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา เพื่อลดการบวมช้ำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ : ช่วยให้ร่างกายพร้อมสำหรับการฟื้นฟูหลังการฉีด
ข้อควรระวังหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน ดังนั้นควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณใต้ตา
ห้ามกด ถู หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์โดยเด็ดขาดในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เนื่องจากฟิลเลอร์ยังไม่ได้คงตัวเต็มที่ การกดหรือถูอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวและเกิดผลลัพธ์ที่ไม่สม่ำเสมอได้ - งดการใช้เครื่องสำอางและสกินแคร์รอบดวงตา
ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์แต่งหน้า หรือครีมบำรุงผิวรอบดวงตา เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ และช่วยให้ผิวบริเวณนั้นได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ - งดกิจกรรมที่มีความร้อนสูง
ห้ามซาวน่า อบไอน้ำ ออกกำลังกายหนัก หรือเผชิญแสงแดดจัดในช่วง 48-72 ชั่วโมงแรก เพราะความร้อนอาจส่งผลต่อการคงตัวของฟิลเลอร์ และอาจทำให้เกิดอาการบวมแดงหรือระคายเคืองได้ - งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังการฉีด เพราะสารเหล่านี้อาจรบกวนการฟื้นตัวของผิวหนังและเพิ่มโอกาสการอักเสบ - นอนในท่าที่เหมาะสม
ควรนอนหงายและใช้หมอนหนุนศีรษะให้สูงในช่วง 2-3 คืนแรก เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนที่และลดอาการบวมใต้ตา หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือการนอนตะแคงที่อาจกดทับบริเวณใต้ตา - ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยกระตุ้นการทำงานของฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ให้คงตัวและช่วยให้ผิวบริเวณใต้ตาดูชุ่มชื้น อิ่มฟู และสดใสมากยิ่งขึ้น - สังเกตอาการผิดปกติ
หากมีอาการบวมแดง ช้ำ หรือรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในช่วง 1-2 วันแรกถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากอาการดังกล่าวไม่ทุเลาลง หรือมีอาการรุนแรง เช่น ปวดมาก บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ซีดหรือเปลี่ยนสี ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือการอุดตันของหลอดเลือด - ติดตามผลการรักษากับแพทย์
แพทย์มักนัดติดตามผลการรักษาหลังฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อประเมินผลลัพธ์และแก้ไขจุดที่อาจต้องปรับแต่งเพิ่มเติม
สรุปบทความ
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นทางเลือกที่สะดวกและได้ผลดีในการแก้ปัญหาร่องลึกและความหมองคล้ำใต้ตา โดยปริมาณที่ใช้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1-2 CC ต่อข้าง ซึ่งขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล สิ่งสำคัญคือต้องเลือกแพทย์และคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ พร้อมปฏิบัติตามข้อควรระวังทั้งก่อนและหลังการฉีดอย่างเคร่งครัด หากดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม คุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติตรงใจอย่างแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา