ค้าปลีกอังกฤษ เลิกใส่ “วันหมดอายุ” บนขวดนม หากสงสัยว่าเสียหรือไม่ ให้ลองเปิดดมก่อนดื่ม

Morrisons ค้าปลีกในสหราชอาณาจักร เลิกใส่ วันหมดอายุ หรือ Use By บนขวดนมภายในสิ้นเดือน ม.ค. 2022 เพื่อลดการทิ้งนมที่ยังรับประทานได้ แนะให้ลูกค้าลองดมก่อนดื่มว่านมเสียหรือไม่

นม

ไม่ใส่วันหมดอายุที่ขวดนม ลดขยะในอนาคต

รายงานข่าวแจ้งว่า Morrisons หนึ่งในสี่ค้าปลีกรายใหญ่ในสหราชอาณาจักร เดินหน้านโยบายช่วยลดขยะภายในครัวเรือนด้วยการไม่แสดง วันหมดอายุ บนบรรจุภัณฑ์จากนมของร้าน เริ่มต้นที่โยเกิร์ต และชีส ในปี 2020 ล่าสุดค้าปลีกรายนี้จะเลิกแสดงวันหมดอายุบนสินค้านมสดของร้าน เริ่มต้นตั้งแต่สิ้นเดือน ม.ค. 2022 เป็นต้นไป

Morrisons ให้เหตุผลว่า การไม่แสดง วันหมดอายุ บนบรรจุภัณฑ์นมสด เพราะข้อมูลดังกล่าวชี้แจงแค่รสชาติของนมสดจะหมดอายุวันไหน และไม่สามารถดื่มได้วันไหน แต่จริง ๆ นมสดยังสามารถรับประทานได้โดยไม่เสียหลังจากวันดังกล่าว ซึ่งความเข้าใจผิดนี้ทำให้ครัวเรือนต่าง ๆ ทิ้งนมสดกว่า 3.3 แสนตัน/ปี คิดเป็น 7% ของกำลังผลิตนมสดปี 2018 ในสหราชอาณาจักร

ยิ่งการทิ้งนมสดนั้นมากเป็น 3 อันดับแรกในสหราชอาณาจักร รองจากมันฝรั่ง และขนมปังเท่านั้น ทำให้ความจำเป็นในการรณรงค์ให้ทุกครัวเรือนเข้าใจว่านมสดสามารถรับประทานได้หลังจากวันหมดอายุสำคัญกว่าเดิม ประกอบกับการเลี้ยงวัวมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนจำนวนมาก การบริโภคนมอย่างคุ้มค่าที่สุดจึงสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน

ทั้งนี้ Morrisons แนะนำผู้ซื้อผลิตภัณฑ์นมของทางร้าน ว่า หากต้องการตรวจสอบผลิตภัณฑ์นมของร้านว่าเสียหรือไม่ ให้เปิดขวด และใช้จมูกสูดดมกลิ่น หากเสียจะมีกลิ่นเปรี้ยว และเมื่อรับประทานเสร็จ ให้ปิดฝาขวดให้แน่น และไม่นำออกมาอยู่นอกตู้เย็นนานเกินไป รวมถึง Morrisons ยังใส่ วันควรบริโภคก่อน หรือ Best Before เอาไว้เช่นเดิม เพื่อชี้ให้เห็นว่า นมสดจะมีรสชาติดีหากดื่มภายในวันดังกล่าว และหลังจากนั้นรสชาติอาจเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา

สรุป

ถือเป็นตัวอย่างการรักษ์โลกที่น่าสนใจ เพราะหลายคนคงไม่คุ้นหากนมสด หรือผลิตภัณฑ์จากนมอื่น ๆ ไม่แสดง วันหมดอายุ หรือ Use By แต่มันน่าจะช่วยให้ทุกคนดื่มนมให้หมด ไม่เหลือทิ้ง ซึ่งก็ต้องดูกันว่า ค้าปลีกรายอื่นในสหราชอาณาจักร จะเดินหน้านโยบายนี้เหมือนกันหรือไม่

หากยังสับสนอยู่ Use By จะเทียบเท่ากับ Expiry Date ที่แสดงไว้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในประเทศไทย เน้นเรื่อง ความปลอดภัยของอาหาร กล่าวคือ ถ้ารับประทานหลังจากวันดังกล่าวอาจมีผลเสียต่อร่างกาย ส่วน Best Before จะเน้นเรื่อง คุณภาพของอาหาร กล่าวคือ ถ้ารับประทานหลังจากวันดังกล่าว รสชาติอาจไม่ดีเหมือนเดิม

อ้างอิง // The Guardian

อ่านข่าวเกี่ยวกับนม และสินค้าเกษตรเพิ่มเติมที่นี่

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา