โดยปกติเราจะเห็นข่าวบริการแอพเรียกรถแท็กซี่ หรือแอพแบบ Ride-Hailing อย่าง Uber ถูกต่อต้านจากหน่วยงานรัฐของท้องถิ่น ขณะที่ประชาชนดูจะชอบใจ แต่เรื่องนี้อาจตรงกันข้ามกับที่เมือง Austin ในรัฐเท็กซัส เพราะ Uber กำลังจะกลับมาให้บริการ แม้ถูกประชาชนโหวตไม่เอาก่อนหน้านี้
เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว เมืองออสตินได้จัดการออกเสียงโหวต โดยหัวข้อคือประชาชนจะให้บริการแอพเรียกแท็กซี่อย่าง Uber กับ Lyft สามารถออกกฎควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยของตนเอง โดยไม่ต้องใช้การตรวจสอบของหน่วยงานรัฐได้หรือไม่ ผลโหวตออกมาคือ 56% ไม่ต้องการ ทำให้ Uber และ Lyft ต้องใช้กฎเกณฑ์กำกับดูแลของออสติน นั่นคือคนขับรถแท็กซี่ต้องถูกตรวจสอบประวัติด้วยลายนิ้วมือ ซึ่ง Uber กับ Lyft ไม่ยินยอม จึงต้องหยุดให้บริการในออสตินไป (ข่าว Blognone)
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Uber มีข้อขัดแย้งกับหลายเมืองที่ให้บริการ ก็คือการเลือกจะใช้กำหนดกฎเกณฑ์ตรวจสอบผู้ขับรถยนต์เอง และไม่ใช้กระบวนการตรวจสอบของหน่วยงานรัฐท้องถิ่น จากกรณีนี้จะเห็นว่าประชาชนออสตินเชื่อระบบของหน่วยงานรัฐมากกว่า Uber
อย่างไรก็ตามเกมนี้อาจพลิกอีกครั้ง เพราะสภานิติบัญญัติของมลรัฐเท็กซัส ได้ออกกฎหมายใหญ่ให้มีผลกับทุกเมืองในรัฐ โดยกำหนดให้บริการแอพแท็กซี่สามารถตรวจสอบประวัติคนขับได้เอง ซึ่งกำหนดให้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม หรือประวัติคดีล่วงละเมิดทางเพศอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เพียงพอแล้ว
กฎหมายฉบับนี้จะทำให้ข้อกำหนดของออสตินที่ตรงกันข้ามไม่มีผล และ Uber กับ Lyft ที่ตรวจสอบประวัติคนขับเองก็จะสามารถกลับมาให้บริการได้ ซึ่งตัวแทนทั้งสองบริษัทต่างบอกว่าพร้อมให้บริการทันทีที่กฎหมายนี้มีผลบังคับใช้
ถึงตรงนี้ก็อาจจะสงสัยว่าแล้ว 1 ปีที่คนออสตินไม่มีแอพแบบ Uber กับ Lyft เขาใช้อะไรกัน? คำตอบคือในออสตินมีแอพแท็กซี่ประเภทนี้ที่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายตรวจสอบประวัติด้วยลายนิ้วมือ อาทิ Fare, Fasten และแอพ Ride Austin ซึ่งรายหลังสุดเป็นแอพที่ไม่แสวงผลกำไร และได้รับความนิยมมากที่สุดในออสติน
Andy Tryba ซีอีโอของ Ride Austin แสดงความกังวลว่าแอพท้องถิ่นouhน่าจะได้รับผลกระทบไม่น้อย เพราะทั้งสองบริษัทมีเงินสดในการทำการตลาดมาก
ต้องจับตาดูกันว่าหลังจากนี้ เมื่อคนออสตินจะต้องทำการโหวตครั้งใหม่ แต่เป็นการเลือกผู้ให้บริการรถแท็กซี่แบบนั่งจริงจ่ายจริง พวกเขาจะเลือกใครกันแน่
ที่มา: KXAN
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา