TV-Home Shopping โตเงียบ กับตลาดหมื่นล้านที่ฟัดกันนัว และกลุ่มทรูที่แตกช่องใหม่เจาะรากหญ้า

ขณะที่ฝั่งค้าปลีกดั้งเดิมเริ่มทรุดตัวตามที่รายงานไป ส่วนฝั่ง Ecommerce ทั้งในไทย และต่างประเทศก็เติบโตกันเป็นเท่าตัว แต่จริงๆ แล้วยังมีอีกตลาดน่าสนใจคือ TV-Home Shopping ที่เติบโตอย่างเงียบๆ และในไทยก็มีมูลค่ารวมแตะ 10,000 ล้านบาท

6 ช่อง กับการแย่งชิงกำลังซื้อหน้าจอ

การแข่งขันของผู้ทำธุรกิจ TV-Home Shopping ตอนนี้มีผู้เล่นหลายสิบราย แต่มีรายใหญ่ที่ถือครองช่องรายการของตัวเองเพียง 6 รายเท่านั้น เพราะที่เหลือจะเน้นการซื้อเวลาจากช่องทีวีดาวเทียม หรือช่องทีวีดิจิทัล เพื่อนำรายการขายสินค้าไปออกอากาศ โดยตลาดนี้มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทในปี 2559 และปีนี้ยังคงอัตราเติบโตที่ 15% ได้เช่นเดิม โดยคิดเป็นมูลค่าราว 12,000 ล้านบาท มีผู้นำคือ Direct TV หรือช่อง TV Direct ตามมาด้วยกลุ่ม O Shopping และกลุ่มทรู ภายใต้บริษัททรูจีเอส โดยร่วมทุนระหว่างทรูวิชั่นส์กรุ๊ป, GS Home Shopping (ประเทศเกาหลี), ซีพีออลล์ และ เดอะมอลล์กรุ๊ป

องอาจ ประภากมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรูจีเอส จำกัด ผู้ให้บริการ TV-Home Shopping ช่อง True Select เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ตลาดยังแข่งขันกันสูง และมีหน้าใหม่อยากเข้ามาแย่งชิงเม็ดเงินหมื่นล้านตลอดเวลา เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่หาซื้อสินค้าตามค้าปลีกต่างๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นซื้อออนไลน์มากขึ้น ประกอบกับการรับชมโทรทัศน์ก็ไม่ได้อยู่แค่หน้าจอโทรทัศน์อีกต่อไป และ TV-Home Shopping แต่ละรายก็ย้ายตามผู้บริโภคตลอด ทำให้ตลาดนี้ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

องอาจ ประภากมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรูจีเอส จำกัด ผู้ให้บริการ TV-Home Shopping ช่อง True Select

“จริงๆ จะเรียกรวมว่า Home Shopping ก็ไม่ได้ เพราะถึงจะอยู่บ้านซื้อ แต่ต้นตอจากการซื้อก็มาจากการรับชมรายการจากโทรทัศน์ และกลุ่มผู้ทำธุรกิจนี้ก็ปรับตัวไปกับผู้บริโภคที่หันไปรับชมรายการต่างๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยกลุ่ม TV-Home Shopping ก็ทำทั้งแพลตฟอร์ม Ecommerce เพื่อรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค และสร้างรายการบนช่องทางออนไลน์ จะได้มีโอกาสให้ผู้บริโภคได้รับชมการขายสินค้าของกลุ่มธุรกิจนี้มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะกับบริษัทที่มั่นใจเรื่องโปรโมชั่น และรูปแบบการนำเสนอสินค้าที่มัดใจผู้ชมได้ ดังนั้นก็เหลือแต่หาช่องทางใหม่ๆ ในการเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด”

ช่องใหม่ True Shopping เจาะกลุ่ม Mass

หลังทำตลาด TV-Home Shopping มา 6 ปี ผ่านช่อง True Select เน้นจำหน่ายสินค้าระดับ Premium หรือราคาเฉลี่ย 2,900 บาท เพราะแพร่ภาพทาง True Vision และช่องทางทีวีดาวเทียมเป็นหลัก แต่เมื่อต้องการหาช่องทางใหม่ ทางทรูจีเอสจีงเลือกวิธีลงทุน 300 ล้านบาท เพื่อเปิดช่องใหม่ในชื่อ True Shopping โดยวางตำแหน่งไว้เป็นช่องที่จัดจำหน่ายสินค้าที่เจาะกลุ่ม Mass ผ่านราคาสินค้าเฉลี่ย 1,900 บาท พร้อมกับเข้าไปซื้อเวลาในช่องทีวีดิจิทัล เช่นไทยรัฐทีวี และ PPTV เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น รวมถึงเพิ่ม Social Media ทั้ง Line และ YouTube กับสร้างหน้าเว็บไซต์เช่นกัน

หน้าเว็บไซต์ trueselect.com ที่แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของ TV-Home Shopping ตามพฤติกรรมของผู้บริโภค

สำหรับการจำหน่ายสินค้าของ True Shopping นั้นจะเป็นสินค้าที่หาได้จากที่ช่องทางนี้ที่เดียว หรือ Exclusive กว่า 2 ใน 3 ของสินค้าทั้งหมดที่จำหน่าย และมีคู่สายรอรับตลอด 24 ชม. ไม่มีวันหยุดทำการ รวมถึงมีระบบคืนสินค้าหากไม่พอใจใน 30 วันเหมือนกับ True Select และสินค้าที่จำหน่ายจะเป็นสินค้านำเข้า 35% ของทั้งหมด และส่วนใหญ่เป็นสินค้าความสวยความงาม หรือ Beauty และสินค้าภายในครัวเรือน ส่วนรูปแบบการทำโปรโมชั่นจะไม่เน้นทำราคา แต่จะใช้วิธีแถมสินค้าต่างๆ เข้าไป เพื่อสร้างความคุ้มค่าให้ได้มากที่สุดในการซื้อแต่ละครั้ง

เปิดสองห้าง ส่งผลรายได้โตเกือบเท่าตัว

ขณะเดียวกัน การเปิดช่อง TV-Home Shopping 2 ช่องนั้น องอาจ มองว่า เหมือนเป็นการเปิดห้างสรรพสินค้า 2 แห่ง ที่มีกลุ่มเป้าหมายไม่เหมือนกัน ทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายจากลูกค้าได้หลายกลุ่ม และรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดนี้เอาไว้ได้ โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,900 ล้านบาท โดยรายได้จะมาจากฝั่ง True Shopping ในสัดส่วน 2 ใน 3 ส่วนที่เหลือมาจากช่อง True Select ซึ่งใน 2 เดือนแรกบริษัทสามารถเติบโตได้ 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้ของปี 2559 อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท

สรุป

TV-Home Shopping ถือเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ เพราะเป็นตลาดที่เติบโตอย่างเงียบๆ และหลายคนมองข้าม โดยเฉพาะกับคนเมืองที่เริ่มไปซื้อสินค้าบนโลกออนไลน์มากขึ้น และยังเหลือกลุ่มเป้าหมายในต่างจังหวัดที่สนใจการซื้อผ่านช่องทางนี้อยู่ แต่หากกลุ่ม TV-Home Shopping ยังไม่ปรับตัวเข้าสู่ Online โอกาสจะอยู่รอดในระยะยาวก็คงลำบาก

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา