ฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต บอกว่า ลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งสูง หรือ Wealth Customers เป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ ttb เริ่มต้นทำตลาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผ่าน ttb reserve แพลตฟอร์มที่ประสานโซลูชันทางการเงินระหว่างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ กับสิทธิประโยชน์ของการถือครองบัตรเครดิต ttb reserve ภายใต้คอนเซปต์ “Maximize your infinite wealth for generations”
จากการเปิดตัวบัตรเครดิต ttb reserve เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์ความต้องการได้ดีขึ้นให้กับลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งสูง (Wealth) ไปแล้วกว่า 40,000 ราย โดยมีมูลค่า AUM กว่า 5 แสนล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์เพื่อให้การบริการลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งสูง (Wealth) สมบูรณ์แบบมากขึ้น ธนาคารได้มีการจัดตั้ง Investment Office พร้อมทั้งสร้าง Wealth Management เป็นการต่อยอดและขยายฐานลูกค้าผ่านการนำเสนอโซลูชันทางการเงิน การลงทุนที่หลากหลายมากขึ้นและคัดเลือกให้เหมาะกับตลาด ณ ปัจจุบันเพื่อนำเสนอกับลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างเหมาะสม ผ่านการจัดสัมมนาแนะนำแนวทางการต่อยอดความมั่งคั่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านการลงทุน ที่มีการเปิดมุมมองทิศทางการตลาดต่าง ๆ ที่น่าสนใจ หรือด้านการบริหารความมั่งคั่งจากโซลูชันประกันภัย เพื่อสร้างความสำเร็จให้กับลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งสูง (Wealth) และผู้ถือบัตรเครดิต ttb reserve พร้อมนำเสนอโซลูชันต่าง ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือที่จะทำให้ลูกค้าสร้างความมั่นคงทางการเงินได้อย่างยั่งยืน
ttb reserve ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนผู้ถือบัตรเป็น 50,000 ราย ภายในปี 2567
นันทพร ตั้งเจริญศิริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารความสัมพันธ์และประสบการณ์ลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ttb reserve คงไม่ได้จะแย่งชิงลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งมา แต่เป้าหมายคือต้องการเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุ้มค่าให้กับผู้ใช้งาน และต่อยอดไปถึงการเป็นทางเลือกหลักของผู้ใช้ โดยสร้างความแตกต่างด้วยแนวคิด “Earn Fast – Burn Smart” รับคะแนนเร็ว แลกคะแนนคุ้ม พร้อมสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นทุกการใช้จ่าย ต่อยอดความมั่งคั่งทั้งด้านการเงิน การลงทุน และไลฟ์สไตล์ที่ลูกค้าสามารถเลือกได้เอง และใช้ได้จริงตามที่ลูกค้าต้องการ
หากลูกค้าเปิดใช้งานบัตรจะได้รับคะแนนสะสมพิเศษรายปีสูงสุด 180,000 คะแนน โดยไม่ต้องมีการใช้จ่ายผ่านบัตร และรับเร็วขึ้นอีกทุกการใช้จ่าย 10 บาท รับ 1 คะแนน (ซึ่งบัตรทั่วไป 25 บาท รับ 1 คะแนน) และรับเร็วยิ่งขึ้นเป็น 2 เท่า สำหรับจ่ายออนไลน์ และโรงพยาบาล เทียบเท่า 5 บาทรับ 1 คะแนน ลูกค้าสามารถนำคะแนนไปต่อยอดแลกรับสิทธิพิเศษด้านการลงทุนได้อีก เช่น ใช้ 10,000 คะแนนแลกเป็นเงินลงทุนในรูปแบบเครดิตเงินคืนได้ 1,200 บาท หรือแลกเป็นเครดิตเงินคืน 1,000 บาท และยังแลกเป็นส่วนลดประกันได้ หรือแลกเป็นบริการพิเศษ เช่น ลีมูซีนรับส่งสนามบิน แพคเกจตรวจสุขภาพ สปา กรีนฟีสนามกอล์ฟ
พร้อมกันนี้ยังมีสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับผู้ถือครองบัตร เช่น ฟรีค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงินต่างประเทศ 2.5%, รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 50% กับร้านอาหาร Fine Dining ชั้นนำกว่า 20 ร้าน และสิทธิประโยชน์ด้านการเงิน การลงทุน พร้อมที่ปรึกษาทางเงิน และไลฟ์สไตล์ที่คัดสรรเพื่อตอบโจทย์ความต้องของลูกค้าอีกมากมาย
ณัฐวรรณ อภิรัตนพิมลชัย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้ากลยุทธ์ลูกค้าบุคคลและประสบการณ์ลูกค้าช่องทางรวม ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ปัจจุบัน ทีทีบี มีลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งสูง (Wealth) แบ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการสะสมความมั่งคั่ง ต้องการมีชีวิตที่มั่นคง อายุ 41-60 ปี ประมาณ 40% ซึ่งกลุ่มนี้จะมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง และรับความเสี่ยงสูงได้ และอีกกลุ่มเป็นกลุ่มที่มีสินทรัพย์ที่มั่นคงอยู่แล้ว ต้องการส่งต่อความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้ลูกหลาน มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ประมาณ 50% เป็นกลุ่มที่ต้องการลงทุนแบบที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็ยังคงมองหาการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ที่ไม่เสี่ยงมาก ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นลูกค้ากลุ่ม Wealth ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี
“ธนาคารยังพบว่าลูกค้าที่มั่งคั่งสูง ไม่ได้ต้องการแค่ส่งต่อความมั่งคั่งหรือมรดกให้กับลูกหลานในรูปแบบของตัวเงินเท่านั้น แต่ก็ยังครอบคลุมไปถึงองค์ความรู้ ทั้งด้านการบริหารธุรกิจ ด้านการศึกษา ตลอดจนการใช้ชีวิต และอนาคตที่มั่นคงของลูกหลานด้วย ดังนั้น ทีทีบี จึงมีการพัฒนาโซลูชันทางการเงิน และการลงทุนใหม่ ๆ ในรูปแบบ Wellness Investment ที่เป็นโซลูชันที่มีความเสี่ยงต่ำ คุ้มครองเงินต้น แต่ยังได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย เช่น หุ้นกู้อนุพันธ์แฝงอ้างอิงดัชนี ttb MSCI China A Economy Transformation Select 5% Risk Control Index เป็นผลิตภัณฺฑ์แรกที่กำลังจะออกมาในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะช่วยบริหารและต่อยอดความมั่งคั่งให้กับลูกค้าแต่ละรายได้มากขึ้นผ่านแพลตฟอร์ม ttb reserve เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในทุกมิติ”
ทั้งนี้ ทีทีบีมีแผนขยายกลุ่มลูกค้า Family หรือกลุ่มครอบครัว ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 19,000 รายของลูกค้า Wealth ทั้งหมด โดยแบ่งเป็น กลุ่มครอบครัวพ่อแม่ที่ต้องการวางแผนด้านการศึกษาเพื่ออนาคตของลูก และนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ตั้งแต่เริ่มวางแผนการศึกษาไปจนถึงกำลังศึกษาอยู่ เช่น การวางแผนจ่ายค่าเทอมสำหรับพ่อแม่ที่จะส่งลูกเรียนต่างประเทศ และมีแผนจ่ายค่าเทอมต่างประเทศที่แน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งธนาคารมีบริการบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Deposit : FCD) ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยสูงถึง 4.35% ต่อปี ช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงิน และลดความยุ่งยากเรื่องการโอนเงินไปต่างประเทศด้วยบริการโอนเงินผ่านสมาร์ทโฟน 6 สกุลเงิน ไปยัง 36 ประเทศปลายทางได้รับเงินเต็มจำนวน ค่าธรรมเนียมเพียง 150 บาท สำหรับโอนให้ลูกที่ศึกษาอยู่ที่ต่างประเทศ และกลุ่มครอบครัวสูงวัยที่ต้องการส่งต่อมรดกให้ลูกหลานแบบไร้กังวล กับโซลูชันในรูปแบบประกัน ด้วยประกันชีวิต “เดอะ เทรเชอร์” (The Treasure) หรือการคุ้มครองชีวิตและสุขภาพทั้งครอบครัวกับประกันชีวิตและสุขภาพ ทีทีบี อีซี่ แคร์ พลัส เป็นต้น
“นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิต ttb reserve ที่ตอบโจทย์แต่ละช่วง ไม่ว่าจะเป็น ช่วงที่ต้องจ่ายค่าเทอมสามารถจ่ายด้วยบัตร ttb reserve สะดวก รวดเร็ว และถ้ารูดจ่ายผ่านออนไลน์ จะได้รับคะแนน 2 เท่า กรณีจ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศฟรีค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงินต่างประเทศ 2.5% ถ้าต้องเดินทางไปส่งลูกเพื่อเรียนต่อ สามารถจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ผ่านออนไลน์ จะได้รับคะแนน 2 เท่า และยังมีบริการความคุ้มครองทั้งครอบครัวสำหรับการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งใช้บริการห้องรับรองที่สนามบินทั่วโลก ได้ 2 ครั้งต่อปี ช่วงที่ลูกกำลังศึกษาอยู่ สมัครใช้เป็นบัตรเสริมสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สะดวก สบาย ไม่ต้องโอน สามารถใช้บัตรเพื่อจ่ายค่าที่พัก ค่ากินอยู่ ฟรีค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน 2.5% และยังได้คะแนนสูง โดยทุกการใช้จ่าย 10 บาท รับ 1 คะแนน” นางสาวนันทพร กล่าวตอนท้าย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
Related